ตอนนี้ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร คงกำลังคิดถึงบทเพลงนี้ของ ใหม่ เจริญปุระ
หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เพิ่งประกาศ “วันปลดแอก” โขกภาษีจาก 60 ประเทศ ขั้นต่ำ 10% ซึ่งมีหลายประเทศที่จะโดนหนัก โดยเฉพาะชาติที่เป็นคู่กรณีของสหรัฐ อย่าง จีน + พันธมิตร
ซึ่ง ไทย ก็คือ 1 ในนั้น ตัวเลขอย่างเป็นทางการ ที่อดีตมหามิตรอย่างสหรัฐ เขกหัวเราคือ 36% ทำให้หลายองค์กรภาคเศรษฐกิจ ประเมินมูลค่าความเสียหายของเศรษฐกิจในรอบนี้ไว้ที่ 7 แสนล้าน ถึง 1 ล้านล้านบาท
ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาล ยังค่อนข้างต่ำ ภายใต้การนำของ นายกฯแพทองธาร เพราะทุกคนรู้ดีว่าไม่ใช่ผู้นำตัวจริงของรัฐบาลนี้ ข้อจำกัดที่สำคัญของ แพทองธาร คือ ภาวะผู้นำ และวิสัยทัศน์ ที่จะนำพาประเทศชาติให้ฝ่าฟันมรสุมที่รุมเร้าเข้ามาลูกแล้วลูกเล่า
ความพยายามที่รัฐบาลจะปั้นตัวเลขจีดีพี ของไทย ปี 2568 ให้ได้ถึง 3% ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี ม.หอการค้าไทย คาดว่าจากมาตรการตอบโต้ภาษีของ ทรัมป์ ครั้งนี้ จะฉุดจีดีพีไทยลงไปถึง 1.93% เท่ากับว่าจีดีพีไทยปีนี้จะโตราวๆ 1%
รอบนี้ยิ่งกว่าวิกฤติ แต่มันคือหายนะ
เราจะต้องรับมืออย่างไรกับสถานการณ์นี้ ลำพังแค่ทำตัวพินอบพิเทา หาทางเปิดการเจรจาขอลดหย่อนผ่อนผันกับทางสหรัฐ อย่างที่ พิชัย นริพทะพันธ์ รมว.พาณิชย์ ใช้รอยหยักในสมองคิดได้ในตอนนี้ คงไม่พอ เพราะเป้าหมายของ “รัฐตำรวจโลก-ทรัมป์” ในรอบนี้ มีมากกว่านั้น
นอกจากหวังจะกินรวบ “ภูมิรัฐศาสตร์โลก” แล้ว ยังต้องการขยายอิทธิพลครอบงำ “ภูมิเศรษฐศาสตร์โลก” ไปด้วยในตัว เพื่อพลิกฟื้นความเป็นรัฐตำรวจโลกคืนกลับมา
สแกนรายชื่อ 60 ประเทศที่โดนโขกภาษีรอบนี้แล้ว ทำให้เห็นอะไรหลายอย่าง ในกลุ่มชาติที่โดนโขกภาษีสูงๆ ได้แก่ จีน 34% เวียดนาม 46% อินเดีย 26% อินโดนีเซีย 32% มาเลเซีย 24% กัมพูชา 49% แอฟริกาใต้ 30% บังคลาเทศ 37% ศรีลังกา 44% และไทย
ล้วนเป็นชาติที่เป็นพันธมิตรทั้งด้านความมั่นคง และทางเศรษฐกิจ โพ้นทะเลของจีน รวมถึงชาติในกลุ่มอาเซียน ที่เป็นภูมิรัฐศาสตร์สำคัญ ที่พักหลังๆ เริ่มถอยห่างความสัมพันธ์จากสหรัฐ
ถ้าเปรียบสภาพรัฐบาลตอนนี้ ก็เหมือนนักมวยที่โดนถลุงใกล้จะหมดสภาพ ต้องอาศัยพิงเชือกให้ครบไปแต่ละยก ฝุ่นควันจากเหตุแผ่นดินไหวยังไม่ทันจาง ก็มาเจอมหาวิกฤติ ภาษีทรัมป์ อีก
ลำพังแค่ฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากแผ่นดินไหว ด้านการท่องเที่ยว ก็ว่ายากแล้ว แต่วันนี้เครื่องยนต์ประเทศไทย ยังช็อตไปพร้อมกันทั้ง 3 เครื่อง
เครื่องยนต์แรก การใช้จ่ายภายใน ไม่ต้องพูดถึง สะลึมสะลือยังไม่ฟื้น หนี้ประเทศท่วมหัวท่วมหู หนี้ครัวเรือนท่วมบ้าน
เครื่องยนต์ที่สอง การท่องเที่ยว ต้องใช้เวลาอีกนานในการฟื้นฟู เพราะหายนะที่สร้างจากทรัมป์ ส่งผลกระทบระยะยาวต่อหลายประเทศทั่วโลก
และเครื่องยนต์สุดท้าย การส่งออก รับผลไปเต็มๆ
ขณะที่กระดานอำนาจ พรรคเพื่อไทย + นายใหญ่ ต้องเผชิญกับเกมการเมือง ทั้งในและนอกสภา
ในสภาเองก็ต้องเผชิญกับฝ่ายค้าน ที่มีพรรคประชาชนพร้อมจะปะฉะดะทุกเลเวล หันไปมองพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ก็พร้อมจะแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ
นโยบายเรือธงไหนที่เป็นวาระร้อน ก็พร้อมจะหักธงของพรรคแกนนำทุกเมื่อ ยังมีม็อบขาประจำที่ฝังแค้นกันมาข้ามทศวรรษ เขย่าอยู่นอกสภา รอจังหวะสอย
ก่อนหน้าการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐ “นายใหญ่” ไปคุยวงไหน ก็เชียร์ ทรัมป์ ตลอด เชื่อมั่นในดีเอ็นเอผู้นำซีอีโอ จะพูดคุยกันได้
แต่วันนี้ก็เห็นแล้ว ทรัมป์ ไม่เคยให้ค่าใคร แม้แต่คนที่นึกว่าตัวเองเป็นมหามิตร
แต่ในสภาพหลังพิงเชือก รัฐบาลพรรคเพื่อไทย กลับทำเป็นไม่แยแส กระเหี้ยนกระหือรือจะเอาให้ได้ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ตามความต้องการของ “นายใหญ่” และทีมแบ็กอัพอำนาจ
ไม่เคยจำเป็นบทเรียน “บริวารเป็นพิษ” แค่จะเอาใจนายจนไม่สนแรงต้าน ไม่สนกระแสสังคม กับแค่ความมั่นใจใน “ดีลข้ามขั้ว ตั๋วพิเศษ”
“พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง” คนออกตั๋วพิเศษ ก็พร้อมจะยึดคืนอำนาจพิเศษ ทันทีที่ไร้ประโยชน์
ปล. สุดท้ายนี้มีคำฝากเตือนถึงประชาชน จาก “เกจิระดับสมเด็จ” ให้ทุกคนรักษาเนื้อรักษาตัวกันให้ดีๆ ช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค.นี้ เศรษฐกิจบ้านเรา จะมีสภาพคล้ายๆ “ต้มยำกุ้ง”
คงไม่ต้องบรรยาย จุดจบรัฐบาลนี้…?

กระดูกเหล็ก