แผ่นดินไหวบริเวณเมืองลอยกอใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา ลึกลงไปประมาณ 10 กิโลเมตร ความรุนแรงขนาด 8.2 สะเทือนเลื่อนลั่นแผ่มาถึงพื้นแผ่นดินไทย ไล่ตั้งแต่ จ.เชียงใหม่ ที่ห่างจากจุดแผ่นดินไหวประมาณ 800 กิโลเมตร ลึกมาถึงกรุงเทพฯ

ผู้คนทำงานหรืออยู่อาศัยบนตึกสูง ต่างตื่นตระหนกตั้งสติอพยพออกมาบนพื้นราบ แผ่นดินไหวทางโน้นสะเทือนถึงอาคารกำลังก่อสร้างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ย่านถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ถล่มลงมา ประจานความผิดปกติของการก่อสร้าง

รัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกถล่มถึงประสิทธิภาพ “ระบบเตือนภัย-แผนจัดการภัยพิบัติ” ซ้ำรอยประวัติศาสตร์เหตุการณ์ “สินามิโคลนถล่ม” อ.แม่สาย จ.เชียงราย

เหตุเกิด 28 มี.ค. 2568 เวลา 13.20 น. ทาง DDPM (ชื่อย่อกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) แจงเตือนผ่าน SMS ใจความว่า “ตามที่แผ่นดินไหวทางบก ปัจจุบันได้รับการประสานจากกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าผู้มีความจำเป็นอย่างยิ่ง สามารถเข้าอาคารได้ด้วยความระมัดระวัง”

เป็นข้อความที่ส่งมาในเวลา 21.59 น. วันที่ 28 มี.ค. 68 และส่งมาอีกครั้งในวันที่ 29 มี.ค. 68 ช่วง 15.36 น. ถึง “วิธีปฏิบัติตัวหากเกิดอาเตอร์ช็อค”

ถึงวันนี้รัฐบาลน.ส.แพทองธารต้องยกเครื่อง “ระบบเตือนภัย-แผนจัดการภัยพิบัติ” เริ่มตั้งแต่หน่วยงานหลักรับผิดชอบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast

มี Cell Broadcast Entity (CBE) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหรือ DDPM กระทรวงมหาดไทย ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำคำเตือนภัยพิบัติ อยู่ระหว่างจัดทำระบบและทดสอบ คาดเสร็จเดือนมิ.ย. 68

และ Cell Broadcast Center (CBC) ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ (โอเปอเรเตอร์) ส่งคำเตือนจาก DDPM ไปยังมือถือของประชาชน

แถมมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก ทั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม (โอเปอเรเตอร์) และยังมีกรมอุตุนิยมวิทยาหน่วยงานต้นทางแจงเตือนภัย

ปมร้อนถูกประชาชนรุมด่าจนรัฐบาลหูร้อน ถึงขั้นนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดีอี รีบตีเหล็กตอนร้อน เรียกประชุมหน่วยงานข้างต้นทั้งหมด เพื่อสรุปแนวทางแก้ไขความผิดพลาดระบบแจ้งเตือนภัยแผ่นดินไหว

ตามขั้นตอนเมื่อกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเตือนภัยไปยัง DDPM หรือ ปภ. โดยศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ตั้งแท่นวิเคราะห์ข้อมูล แล้วแจ้งข้อความเตือน และ Broadcast ไปให้ กสทช. ก่อน กสทช. แจ้งไปยังโอเปอเรเตอร์ เพื่อยิง SMS ถึงประชาชนในพื้นที่ประสบภัย

ตบท้ายที่ ปภ. เตรียมแผ่นสำรองแจ้งเตือนภัย และ กสทช. จับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนเพิ่มผังรายการให้ประชาชนได้รับข่าวสารอย่างรวดเร็ว รวมถึงใช้สื่อสารผ่านวิทยุทรานซิสเตอร์

แค่ระบบเตือนภัยยังเป็นไฟลนก้นรัฐบาล ผิดพลาดเป็นครั้งที่สองหลังเกิดเหตุสินามิโคลนถล่ม ไม่นับรวมแผนจัดการภัยพิบัติ ที่เป็นโจทย์ใหญ่คู่ขนานระบบเตือนภัย

แต่รัฐบาลลนลานเหมือน “ซ้อมบริหารประเทศ” เห็นได้จากสองเหตุการณ์ใหญ่รับมือภัยธรรมชาติ สอบตกซ้ำชั้น

ม้าสีหมอก