เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 คณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 2 ฉบับใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมุ่งเน้นการจัดการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ และควบคุมธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจากต่างประเทศ ทั้งยังระบุ บทบาทหน้าที่ของธนาคารและค่ายมือถือ ให้ชัดเจน เพื่อร่วมเป็นกลไกป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับประชาชน
สกัดภัยไซเบอร์ด้วยอำนาจใหม่ พร้อมมาตรการคืนเงินผู้เสียหาย
ร่าง พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีเป้าหมายหลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐในการรับมือกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงทางบัญชี และการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในทางมิชอบ โดยเปิดทางให้หน่วยงานของรัฐหรือผู้ให้บริการสามารถ สั่งระงับการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ได้ทันทีเมื่อมีหลักฐานชัดเจน
ในขณะเดียวกัน ยังมีการกำหนดให้มี ขั้นตอนการพิจารณาและคืนเงินให้แก่ผู้เสียหาย จากอาชญากรรมออนไลน์อย่างรวดเร็ว ลดขั้นตอนทางกฎหมายที่ซับซ้อน เพื่อให้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อได้รับการเยียวยาได้เร็วและชัดเจนมากขึ้น
ธนาคาร และ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม มีบทบาทสำคัญในกฎหมายฉบับนี้ โดยจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานรัฐ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หากพบว่าเบอร์โทรศัพท์หรือบัญชีธนาคารเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด หน่วยงานสามารถแจ้ง กสทช. ให้ ระงับบริการทันที
นอกจากนี้ สถาบันการเงินและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องยังต้อง แลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีและธุรกรรม ผ่านระบบกลาง เพื่อสนับสนุนการสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หากละเลยหน้าที่ อาจถูกพิจารณาว่ามี ความรับผิดชอบร่วม ต่อความเสียหายของผู้บริโภคได้
ควบคุมธุรกิจดิจิทัลจากต่างชาติ ป้องกันการฟอกเงิน-หลอกลวง
ร่าง พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มุ่งควบคุมแพลตฟอร์มต่างชาติที่ให้บริการแก่ประชาชนในประเทศไทย เช่น เว็บไซต์แลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัล หรือกระเป๋าเงินคริปโต หากเปิดให้คนไทยใช้งาน ไม่ว่าจะมีภาษาไทย รับชำระเป็นเงินบาท หรือโอนผ่านบัญชีในประเทศ จะต้องขอใบอนุญาตจากทางการไทย
มาตรการนี้จะช่วยให้หน่วยงานรัฐสามารถ ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ป้องกันการฟอกเงิน และควบคุมการโฆษณาชักชวนลงทุนที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากร่าง พ.ร.ก. ทั้งสองฉบับอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น
ความปลอดภัยในการลงทุนกับสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะมีการควบคุมแพลตฟอร์มต่างชาติอย่างเป็นระบบ
การลดความเสี่ยงจากอาชญากรรมไซเบอร์ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์และบัญชีม้า
ความมั่นใจในการใช้งานโทรศัพท์และบัญชีธนาคาร เพราะมีระบบควบคุมที่เข้มงวด
การคืนเงินจากการถูกหลอกลวง ที่มีขั้นตอนเร็วและมีประสิทธิภาพ

ข้อมูล/ภาพ : ไทยรัฐ