อาฟเตอร์ช็อกเศรษฐกิจ คิวเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องรีบกู้ภัย ไม่แพ้อาฟเตอร์ช็อกแผ่นดินไหว
ผลพวงจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศขึ้นกำแพงภาษีมหาโหดสินค้านำเข้าประเทศคู่ค้า ปั่นป่วนวุ่นวายกันไปทั้งโลก
อาฟเตอร์ช็อกเศรษฐกิจไทย เจอค่ายพญาอินทรีโขกภาษีนำเข้า36% สูงเป็นลำดับต้นๆของเอเชีย ส่อเขย่าจีดีพีไทยวูบ1% คิววายป่วงกระทบภาคส่งออก ทั้งอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ อาหารแปรรูป และสินค้าเกษตร
เสียหายย่อยยับหลายแสนล้านบาท
เรื่องด่วนจี๋ที่ต้องปั๊มหัวใจเศรษฐกิจไทย ชุบชีวิตภาคส่งออก ควบคู่ไปกับการกู้ภัยซากตึกสตง.ถล่มในเวลานี้ แข่งกับเส้นตายอีก 2วัน ที่มาตรการภาษีมหาโหดของ “ทรัมป์”จะมีผลบังคับใช้วันที่ 9เม.ย.
แต่ “นายกฯอิ๊งค์”แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพิ่งงัวเงีย นัดประชุมคณะทำงานแก้ปัญหานโยบายการค้าสหรัฐฯในวันที่8เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล
เรื่องคอขาดบาดตายทางการค้า มีอนาคตภาคส่งออกไทยเป็นเดิมพัน แต่แอ็กชั่นผู้นำไทยแค่ร่อนแถลงการณ์ปลุกความเชื่อมั่น จะก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ ไม่ทิ้งให้ประชาชนสู้อย่างโดดเดี่ยว เพียงลำพัง เนื่องจากรัฐบาลได้เตรียมมาตรการรับมือระยะสั้น และระยะยาวไว้แล้ว
เพิ่งจะตั้งลำเรียกประชุมคณะกรรมการประชุมแก้ปัญหา
เทียบกับประเทศอื่นๆ อย่างเวียดนามที่ผู้นำประเทศนายโต เลิมเลขาธิการฯใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม รีบยกหูหาประธานาธิบดีสหรัฐฯเจรจาขอลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯเหลือ 0%
แก้เกมที่สหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนาม 46% ปรากฏว่า “ทรัมป์” ก็ตอบขอบคุณผู้นำรัฐบาลเวียดนาม พร้อมเจรจาทวิภาคีกับเวียดนาม เพื่อบรรลุข้อตกลงโดยเร็ว
หรืออย่างกัมพูชาที่เผชิญกำแพงภาษีโหดจากสหรัฐฯ 49% นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็รีบทำหนังสือถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุ กัมพูชาเตรียมลดอัตราภาษีศุลกากรสินค้า 19รายการ ให้สหรัฐฯจาก 35% เหลือ5%
แต่ละประเทศเล่นบทเสือปืนไว ผู้นำต่างเทคแอ็กชั่นจริงจัง ลุยแก้ปัญหา พร้อมบินไปเจรจากับผู้นำสหรัฐฯด้วยตัวเอง จนเห็นความคืบหน้าการเจรจาแก้ปัญหาเป็นรูปธรรม
ผิดกับการดำเนินการของประเทศไทยที่ดูเหมือนล่าช้ากว่าประเทศอื่นๆ
ยังไม่เห็นแนวทางการวางกรอบเวลาดำเนินงานแก้ปัญหาในเรื่องขอบเขตการเจรจา ผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะต้องนำไปแลกเปลี่ยนที่มีความชัดเจน เป็นรูปธรรม
หนำซ้ำจะส่งแค่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง บินไปเจราจากับสหรัฐฯ ต่างจากประเทศอื่นๆที่ตัวผู้นำประเทศพร้อมบินไปเจรจาด้วยตัวเอง
อาการกระตือรือร้นแก้ปัญหาวิกฤติภาษีการค้าดูไล่หลังประเทศอื่นๆ
คนละอารมณ์กับการเดินหน้าผลักดันร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่เหยียบคันเร่งเต็มที่นำเข้าที่ประชุมสภา พิจารณาผ่านวาระแรก ในวันที่ 9เม.ย.ให้ทันเส้นตายปิดสมัยประชุมสภา
ฝ่าเสียงคัดค้านทั่วสารทิศที่มองว่า รุกรี้รุกรนเร่งรีบผลักดันอภิมหาโปรเจกต์เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แฝงวาระตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย ที่เบียดคิวแซงหน้าร่างกฎหมายอื่นๆอีกหลายฉบับขึ้นมาพิจารณาก่อน
ตั้งหน้าตั้งตาลุยไฟ ไม่กลัวถูกไฟคลอก ไม่หลีกทางให้นำปัญหาเรื่องภาวะสงครามการค้าโลกมาหารือเป็นเรื่องเร่งด่วนในสัปดาห์นี้ ตามที่หลายฝ่ายเสนอ เพราะสร้างความสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจไทย และภาคเอกชนไทย อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
รัฐบาลถูกตั้งคำถามหนักถึงวุฒิภาวการณ์จัดลำดับความสำคัญแก้ปัญหาประเทศ
ทั่วโลกแตกตื่นผลพวงวิกฤติภาษีการค้า “โดนัลด์ ทรัมป์” หาทางตั้งรับมือเป็นระวิง
ตรงกันข้ามประเทศไทยดันทุรังเดินหน้านโยบายเรือธงกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร ที่กว่าขั้นตอนกฎหมายจะสำเร็จเป็นรูปร่าง ก็ต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 6เดือน
ท่ามกลางคำถามรอบด้าน ทำไมต้องเร่งรีบผลักดันนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ในช่วงที่ยังไม่ใช่ภาวะจำเป็นเร่งด่วน ไม่รู้มีวาระซ่อนเร้นแอบแฝงหรือไม่
เพราะทั้งอาฟเตอร์ช็อกแผ่นดินไหว-อาฟเตอร์ช็อกเศรษฐกิจ ยังไงก็เบียดขุมทรัพย์เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ได้

ใต้เงาไท