“พีระพันธุ์” จะลดค่าไฟ…เพื่อประชาชน หรือเพื่อรักษาสัญญา?

ท่ามกลางบิลค่าไฟที่สูงทะลุเพดาน ทั้งบ้าน ทั้งโรงงาน ครัวเรือนผู้มีรายได้น้อยเริ่มต้องเลือกแล้วว่าจะเปิดแอร์ หรือจะซื้อน้ำแข็งใสแทน

เสียงตบมือจึงดังขึ้น เมื่อ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประกาศเป้าหมายชัด — ลดค่าไฟเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วยภายใน 45 วัน

แต่ผ่านมาหลายเดือน… คำถามเริ่มก่อตัว:
เขาทำเพื่อประชาชนจริงหรือ?

ทำไมต้องติด “สัญญา” มากกว่าห่วง “คน”?

“เปลี่ยนสัญญาไม่ได้” — คือคำตอบจากนายพีระพันธุ์ เมื่อถูกถามว่าทำไมถึงไม่กล้าแตะส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) และ FiT ที่เอกชนได้รับ

แม้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะเสนอชัดเจนว่า หากทบทวนสัญญาเหล่านี้ ค่าไฟจะลดลงได้ทันทีถึง 17 สตางค์ต่อหน่วย

แต่นายพีระพันธุ์เลือก “เบรก” ข้อเสนอของกกพ. โดยให้เหตุผลว่าข้อผูกพันทางกฎหมายไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

คำถามจึงเกิดขึ้น…
“รัฐมนตรีพลังงานของประชาชน” ควรยึดประโยชน์สาธารณะ หรือยึดพันธะสัญญากับเอกชนเป็นหลัก?

ถ้ารู้ว่าเปลี่ยนไม่ได้…แล้วลงมาคุมทำไม?

ภาคประชาชนไม่ใช่กลุ่มเดียวที่ตั้งคำถาม
ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เริ่มออกโรงเตือนว่า ค่าไฟที่สูงกดต้นทุนภาคการผลิต กำลังฉุดรั้งขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระดับโลก

พีระพันธุ์ยังมีแผน “ปรับ Pool Gas” เพื่อใช้ก๊าซจากแหล่งต้นทุนต่ำในสัดส่วนที่เหมาะสม — ฟังดูดี แต่ไม่มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมให้ประชาชนได้เห็นในระยะเวลาที่ประกาศ

45 วันผ่านไป คำพูดกลายเป็นเพียงข่าวเก่า

“ภารกิจลดค่าไฟ” หรือ “การรักษาสัญญาเดิม”?

หากสัญญากับเอกชนมีผลเหนือกว่าผลประโยชน์ของประชาชน
หากความพยายามลดค่าไฟถูกหยุดไว้ที่คำว่า “เปลี่ยนไม่ได้”
และหากประชาชนต้องทนแบกค่าไฟไปเรื่อยๆ เพราะรัฐไม่กล้า “แตะ” โครงสร้างที่ไม่เป็นธรรม

เราควรถามนายพีระพันธุ์ว่า…
นี่คือการทำเพื่อประชาชนจริงหรือ?
หรือเป็นเพียงการบริหารจัดการ “ภาพลักษณ์” ให้ดูเหมือนทำ?

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค, ค่าไฟฟ้า, สัญญาไฟฟ้า, กระทรวงพลังงาน, ภาคประชาชน

“20 บาทตลอดสาย” ฟื้นชีพ! คมนาคมรื้อสัญญา จัดทัพใหม่ เริ่มจริง ก.ย. 68

สามยักษ์ทุนตบเท้าเปิดแบงก์ไร้สาขา เมื่อ Virtual Bank กลายเป็นเวทีชิงอำนาจใหม่