กลางปี 2568 ลมร้อนยังกรุ่นทั่วประเทศ แต่กระแส พลังงานสะอาด ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน
หลายโครงการทยอยเปิดตัว หลายแผนงานถูกเร่งเดินหน้า รัฐบาลประกาศเป้าหมายใหญ่ พลังงานสะอาดจะต้องเป็นอนาคตของชาติ ทว่าบนเส้นทางนี้ มีแต่ดอกไม้โรยทางจริงหรือ?
เมื่อไม่กี่วันก่อน สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเกมใหม่ “ไฟฟ้าสีเขียว UGT2” เชิญชวนผู้ใช้ไฟฟ้าเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด โดยระบุแหล่งที่มาชัดเจน เปิดให้ลงทะเบียนกลางเดือนมิถุนายนนี้ เป้าใหญ่ 8,000 ล้านหน่วยต่อปี ตัวเลขดูสวย แต่ในความเป็นจริง ระบบโครงข่ายไฟฟ้าไทยยังผูกติดกับพลังงานฟอสซิลถึง 85% ของกำลังการผลิต ทั้งที่ในภูมิภาคนี้ หลายประเทศไปไกลกว่านั้นมากแล้ว
ด้านกระทรวงพลังงานเองก็ขยับ ผลักดัน ร่างกฎหมายโซลาร์รูฟท็อป ตั้งเป้าให้ครัวเรือนติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ได้ง่ายขึ้น ลดขั้นตอน ลดต้นทุน เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงพลังงานสะอาดมากขึ้น
แต่ในร่างกฎหมายฉบับนี้ก็มีเสียงกังวลจากภาคประชาชน เพราะมีข้อกำหนดเปิดช่องให้อำนาจรัฐมนตรีพลังงานกว้างขึ้น อาจย้อนแย้งกับเจตนารมณ์กระจายอำนาจและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง
ในเวลาเดียวกัน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก็ขยับหมากใหญ่ เปิดขายซองประกวดราคา โครงการโซลาร์ทุ่นลอยน้ำ ขนาด 50 เมกะวัตต์ ที่เขื่อนวชิราลงกรณ จังหวัดกาญจนบุรี
นี่เป็นอีกโครงการเชิงสัญลักษณ์ ว่าประเทศไทยเดินหน้าโซลาร์ฟาร์มบนผิวน้ำอย่างจริงจัง โดยมีกำหนดจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ภายในปี 2570
นอกจากนั้น ไทยยังเร่งสร้างความร่วมมือระดับนานาชาติ ล่าสุด กฟผ. ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสวีเดน จัดเวที “Pioneer the Possible Thailand 2025” เปิดประตูความร่วมมือด้านไฮโดรเจนและสมาร์ทกริด เทคโนโลยีที่ทั่วโลกจับตามอง
ไฮโดรเจน ถือเป็นเชื้อเพลิงแห่งอนาคต หากพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเปลี่ยนโฉมระบบพลังงานของไทยอย่างสิ้นเชิง
เมื่อพลิกดูแผน PDP 2024 จะเห็นว่าไทยตั้งเป้าหมายให้พลังงานสะอาดคิดเป็น 51% ของกำลังผลิตภายในปี 2573 และ 74% ภายในปี 2593 เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
เป้าหมายเหล่านี้แม้ดูทะเยอทะยาน แต่ต้องยอมรับว่าการพึ่งพาฟอสซิลในปัจจุบันสูงถึง 85% การจะบรรลุเป้าหมายนี้ไม่ง่าย ต้องใช้เวลา เงินลงทุนมหาศาล และต้องเผชิญแรงเสียดทานจากกลุ่มทุนพลังงานเดิมที่มีบทบาทสูงในโครงสร้างเศรษฐกิจและการเมืองไทย
สิ่งสำคัญจึงไม่ใช่แค่การมีโครงการใหม่ หรือแผนงานตัวเลขในเอกสาร แต่ต้องถามกลับไปที่ “โครงสร้าง” ของระบบนโยบายพลังงานไทย ว่าพร้อมจะเปิดทางให้พลังงานสะอาดเดินหน้าได้จริงหรือไม่?
ประชาชนไทย…จะมีสิทธิเลือกแหล่งพลังงานของตัวเองได้มากแค่ไหน? จะติดตั้งโซลาร์บนหลังคาเองได้ง่ายขึ้นจริงหรือไม่? จะมีโอกาสเข้าถึงโครงการไฟฟ้าสีเขียวในราคายุติธรรมหรือเปล่า?
บทเรียนจากหลายประเทศในอาเซียนบอกเราว่า “กฎหมายและโครงสร้างกำกับดูแล” คือหัวใจ ถ้าเปิดช่องให้ตลาดแข่งขันอย่างเป็นธรรม โซลาร์รูฟท็อปจะไม่ใช่เรื่องของชนชั้นกลางเท่านั้น แต่จะเป็นทางเลือกของประชาชนทุกกลุ่ม
ในเวทีโลก ประเทศไทยถูกจับตามองเสมอเรื่องศักยภาพพลังงานสะอาด เรามีแดด มีน้ำ มีชีวมวล มีศักยภาพผลิตพลังงานสะอาดหลากหลายรูปแบบ
คำถามคือ เมื่อไหร่โครงสร้างนโยบายจะพร้อมเปิดทางจริงจัง?
และเส้นทางพลังงานสะอาดของไทย จะเป็น “ทางฝัน” ที่เป็นจริง หรือจะติดกับดักโครงสร้างเดิมจนกลายเป็น “ทางตัน”?
คำตอบ…อยู่ในมือรัฐ และพลังของสังคมที่จะร่วมกันผลักดัน
