ศึกนอก กับเพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญอย่าง เขมร เพลานี้อยู่ในช่วงพักรบ
หลังวงประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย ที่มีตัวแทนของสหรัฐฯ และจีน ในฐานะผู้ร่วมสังเกตการณ์ ได้ข้อตกลงร่วม 13 ข้อ
ทั้งการหยุดยิงเด็ดขาด ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท-คุ้มครองประชาชน-งดการเสริมกำลัง-ห้ามเคลื่อย้ายกำลัง-อำนวยความสะดวกส่งกลับผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต-จัดตั้งชุดประสานงานเฉพาะกิจ-ปรับกำลังทหาร-การจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์การหยุดยิง และหากไทย-กัมพูชาเห็นพ้อง อาจนำไปสู่การลงนามเป็นข้อตกลง และให้มีผลบังคับใช้ในระดับนโยบายทั้ง 2 ประเทศ
เบื้องหลังที่ต้องให้เครดิต คือ ทีมไทยแลนด์ ที่ทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ
และชื่อที่โดดเด่นขึ้นมาในทีมไทยแลนด์ชุดนี้ก็คือ “บิ๊กอ๊อบ” พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในระดับ “แมน บีไฮน์ เดอะ ซีน”
ร้อนแรงขนาดทีมงานรัฐบาลเพื่อไทย จับตาไม่กระพริบ
เพียงแต่โจทย์ใหญ่ของบ้านเมืองหนนี้ ยังไม่ถึงคิวของ“ฮีโร่นอกรัฐธรรมนูญ”

แม้ 13 ข้อตกลงนี้ จะพอให้เห็นแสงแห่งความสงบของชายแดนด้านบูรพา แต่ก็ยังไม่อาจวางใจเขมรจอมกลับกลอก เป็นมะกอกสามตะกร้า ลงได้
ที่ผ่านมาก็ได้เห็นฤทธิ์เห็นเดช อาชญากรสงคราม-พ่อ-ลูกตระกูลฮุน “ฮุน เซน-ฮุน มาเนต” กันไปแล้ว พร้อมจะฉีกทุกข้อตกลง ละเมิดสัญญาลูกผู้ชาย ไม่ต้องนับเรื่องอนุสัญญาเจนีวา หรืออนุสัญญาออตตาวา
แม้แต่รัฐธรรมนูญเขมรที่บัญญัติเอาไว้ ห้ามกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดศึกสงครามกับเพื่อนบ้าน กฎหมายสูงสุดของประเทศตัวเองแท้ๆ พ่อ-ลูก ผู้กระหายสงครามคู่นี้ ก็แหกมาแล้ว
สันดานเผด็จการ ฉีกรัฐธรรมนูญมาจนเคยชิน
เป็นช่วงจังหวะที่ประเทศไทย ต้องเร่งเร้าเกมการเมืองระหว่างประเทศให้หนักกว่านี้
โดยเฉพาะการลากคอ พ่อ-ลูก อาชญากรสงคราม มารับผิด จะใช้ช่องทางไหนได้บ้าง ทั้ง ฮุน เซน-ฮุน มาเนต คือผู้ก่อนอาชญากรรมทำร้ายชีวิตผู้บริสุทธิ์ พาทหารเขมรมาตายร่วมหมื่น ทำลายบ้านเรือน ชุมชน โรงพยาบาล จนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า
รัฐบาลภายใต้การนำของ “รักษาการนายกฯอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ถือดาบแทน นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ต้องโชว์บทบาทการนำ ฝ่าภาวะสูญญากาศรัฐบาล
ปล่อยให้ทำเนียบรัฐบาล กลายเป็นโนแมนเลนด์ ตกอยู่ใต้การนำของกองทัพมาหลายเดือน
ล่าสุด รักษาการนายกฯภูมิธรรม เริ่มเดินเครื่องสั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกร่างคำฟ้องฝ่ายกัมพูชา แม้จะเป็นภายใต้กฎหมายในประเทศของเรา แต่ก็ต้องตอกย้ำภาพอาชญากรสงครามคู่พ่อ-ลูกคู่นี้ ให้เป็นภาพจำในสายตาชาวโลกต่อไป
หวังลากไปให้ถึงองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (อินเตอร์โพล) ให้ได้
เพราะทุกนาทีที่ผ่านไป ระหว่างเหตุสู้รบ-ระหว่างเจรจาสงบศึก-หย่าศึก ทีมเขมรเฟกนิวส์โชว์เล่ห์เหลี่ยม ชิงนำไทยมาตลอด
ลูกเล่นความกะล่อน แบบมะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก ปั่นมหาอำนาจจีน-สหรัฐ จนหัวหมุน
พลิกลิ้นเป็นลูกช่างฟ้องชาวโลก ว่าเป็นนางอัปสราที่ถูกกระทำ
รัฐบาลทีมไทยแลนด์ ต้องรีบจัดคืนให้เต็มสูบ เติมเกมหาพวกในเวทีโลก ดึงโลกมาล้อมเอาคืนบ้าง
เบรกกระแสผู้คนที่เริ่มโหยหา “รัฐบาลที่เข้มแข็งกว่านี้”
นับตั้งแต่ นายกฯอิ๊งค์-แพทองธาร เดินตกหลุมพราง “อังเคิล” จนโดนศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ
รัฐบาลนี้เหมือนเป็ดง่อย ตกอยู่ใต้ Deep State
ทำให้โครงสร้างทั้งระบบ ต้องหยุดนิ่ง ล้าหลัง ถดถอย ส่งผลกระทบต่อภูมิยุทธศาสตร์ของไทย ในเวทีโลก
สุดท้ายไม้พ้นที่คนไทยจะเพรียกหาแต่ “อัศวินม้าขาว”