วันที่ 15 กันยายน 2568 เวลา 10.00 น. นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงยืนยันว่าองค์กรไม่เคยมีมติหรือคำวินิจฉัยใดที่รับรองการพักรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมชี้ว่าประเด็นดังกล่าวเป็นอำนาจของแพทยสภาโดยตรง ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่อาจก้าวล่วงได้ ทั้งนี้ย้ำว่าการทำงานขององค์กรยังยึดหลักเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่เอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใด
กรณีร้องเรียนการรักษาตัวของทักษิณ
ผู้ตรวจการแผ่นดินเปิดเผยว่า คำร้องเรียนที่ยื่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับการใช้ดุลยพินิจของแพทย์ในการส่งตัว ทักษิณ ชินวัตร ออกจากเรือนจำมารักษาภายนอก โดยผู้ร้องตั้งข้อสงสัยว่าอาจไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกฎหมาย การตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นประเด็นเกี่ยวกับการรักษาทางการแพทย์ซึ่งอยู่ในอำนาจของแพทยสภา ไม่ใช่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน
ในเวลาต่อมา โรงพยาบาลตำรวจได้ชี้แจงว่าการรักษาทักษิณเป็นไปตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 และข้อบังคับแพทยสภา พ.ศ. 2565 อย่างเคร่งครัด โดยผลการตรวจวินิจฉัยถือเป็นข้อมูลด้านสุขภาพที่เข้าข่าย “ข้อมูลส่วนบุคคล” ตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 มาตรา 7 และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

ข้อมูลสุขภาพเป็นความลับตามกฎหมาย
โรงพยาบาลตำรวจอธิบายว่า ผลการรักษาและความเห็นของแพทย์ไม่สามารถเปิดเผยได้ หากไม่ได้รับความยินยอมโดยตรงจากผู้ป่วยหรือมีกฎหมายกำหนด การรักษาความลับด้านสุขภาพเป็นหลักการสำคัญที่แพทย์ต้องถือปฏิบัติ จึงไม่สามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาเปิดเผยเพื่อการพิจารณาของผู้ตรวจการแผ่นดินได้
ด้านผู้ตรวจการแผ่นดินย้ำว่า องค์กรไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะบังคับให้แพทย์หรือโรงพยาบาลเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วย ซึ่งแตกต่างจากศาลที่สามารถใช้อำนาจสั่งเปิดเผยข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาคดีได้
ไม่ก้าวล่วงอำนาจแพทยสภา
จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ร้องเรียนประเด็นเดียวกันนี้ต่อแพทยสภาแล้ว ทำให้ผู้ตรวจการแผ่นดินออกคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 ระบุว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบโดยตรงของแพทยสภา องค์กรจึงไม่สามารถก้าวล่วงหน้าที่ได้
ทั้งนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่า หากแพทยสภามีมติหรือความเห็นอย่างไร ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดเผยต่อสาธารณะตามกรอบกฎหมาย เพื่อสร้างความโปร่งใสและลดข้อครหาทางสังคม
ย้ำภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ
นายทรงศักกล่าวทิ้งท้ายว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินยังคงปฏิบัติหน้าที่เพื่อคุ้มครองสิทธิและประโยชน์ของประชาชน โดยยึดหลักกฎหมายและความเป็นธรรม ไม่เอื้อผลประโยชน์ต่อบุคคลใดเป็นการเฉพาะ ทั้งยังพร้อมทำงานร่วมกับทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ข้อเท็จจริงถูกนำเสนออย่างโปร่งใส
ประชาชนสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำวินิจฉัยและภารกิจของผู้ตรวจการแผ่นดินได้ที่เว็บไซต์ทางการของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน