การจับมือกันระหว่าง พรรคประชาชน กับ พรรคภูมิใจไทย ผ่านบันทึกข้อตกลง (MOA) เคยถูกมองว่าเป็น “กติกาพิเศษ” เพื่อประคองรัฐบาลเสียงข้างน้อยให้อยู่รอด แต่กลายเป็นว่า วันนี้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า พรรคประชาชนอาจ เสียท่า และ ถูกเล่นเกมการเมือง จากภูมิใจไทยอย่างแยบยล เพราะกลุ่มการเมืองทยอยเข้าร่วมกับรัฐบาลอนุทิน อย่างต่อเนื่อง
MOA ที่กลายเป็นกับดัก
MOA กำหนดเงื่อนไขเข้มว่า รัฐบาลต้องอยู่ในสถานะ “เสียงข้างน้อย” และห้ามมีการกระทำใด ๆ ที่ทำให้กลายเป็นเสียงข้างมาก พรรคประชาชนมั่นใจว่านี่คือเครื่องมือผูกมัดภูมิใจไทย แต่ความจริงกลับกลายเป็น กับดักตัวเอง เพราะแม้จะมีการย้าย ส.ส. หรือการดึงเสียงจากพรรคอื่นเข้ามาเสริม ก็ยังตีความได้ว่า “ไม่ใช่เจตนาของภูมิใจไทยโดยตรง” ทำให้ภูมิใจไทยมีพื้นที่เล่นเกมต่อได้
กระดูกคนละเบอร์
ภูมิใจไทยมีชื่อเสียงด้าน “การต่อรอง” และ “การเล่นเกม” อยู่แล้ว ในขณะที่พรรคประชาชนยังใหม่และยึดข้อตกลงเชิงอุดมการณ์เกินไป การเคลื่อนไหวของภูมิใจไทยที่เปิดช่องให้มี ส.ส. ย้ายพรรค หรือเข้ามาสนับสนุนรัฐบาลเพิ่มเติม ทำให้ถูกมองว่า “ข้อตกลง MOA ไม่สามารถผูกมัดจริง”
นี่สะท้อนว่า ภูมิใจไทย รู้เกม รู้ช่องโหว่ และรู้วิธีเล่น จนทำให้ตัวเองไม่เสียเปรียบ

พรรคประชาชนถูกหลอก?
ในขณะที่พรรคประชาชนคิดว่ามีเครื่องมือการันตีว่าตัวเองจะไม่ถูกเบียดจากสมการอำนาจ แต่กลายเป็นว่า เมื่อภูมิใจไทยขยับ พรรคประชาชนกลับไม่มีทางเลือกมากนัก จะบอกว่าถูกละเมิด MOA ก็ไม่ชัดเจนทางกฎหมาย จะถอนตัวก็เสี่ยงเสียภาพลักษณ์ว่า “ทิ้งรัฐบาล” สรุปคือ พรรคประชาชน ถูกบีบให้ติดมุม ส่วนภูมิใจไทยกลับ เดินหมากเซียน และคุมเกมได้มากกว่า
เหตุนี้เองพรรคประชาชน จึงถูกมองว่า “ไม่ทันเกม” ถูกหลอกด้วยกระดาษแผ่นเดียวที่ชื่อว่า MOA ส่วนพรรคภูมิใจไทยได้ภาพลักษณ์นักการเมือง เล่นเกมเก่ง เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์
“เท้ง” ปัด ไม่ใช่นั่งร้าน
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ย้ำว่าพรรคประชาชนไม่ใช่ “นั่งร้าน” ให้พรรคภูมิใจไทย แม้จะถูกวิจารณ์ว่าการทำข้อตกลง (MOA) เอื้อให้ภูมิใจไทยแข็งแรงขึ้น แต่พรรคพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มที่ โดยใช้ทั้งการอภิปรายทั่วไปและกลไกตามมาตรา 151 หากรัฐบาลละเมิดข้อตกลง
“การลงมติในสภาฯการอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงเป็นกลไกสำคัญที่จะพิสูจน์ได้ว่า ภูมิใจไทยละเมิด MOA จริงหรือไม่“
◾️ส้มอ่อนนอนกอด MOA
นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ มองว่า ตอนนี้ พรรคภูมิใจไทย ดูดส.ส. จนมีเสียงข้างมากแล้ว พรรคประชาชนยังดูดนม กอด MOA อยู่
ขณะที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ระบุว่า เตือนกันแล้วไม่ฟัง วันนี้พรรคประชาชนจะแก้ตัว จะอภิปราย จะล้มรัฐบาล หากไม่ทำตาม MOA แต่ตอนนี้พรรคภูมิใจไทยเขาครื้นเครง คะแนนพุ่งปรู๊ดปร๊าด ส.ส. เดินเข้าพรรค บันไดไม่แห้ง ไม่มีใครไปสนใจ MOA แต่ที่คนสนใจมากกว่ากลับเป็นพรรคประชาชน ที่พลาดแล้วร้องเสียงหลงตีอกชกตัวเองเหมือนเด็ก เห็นหรือยังว่า การตัดสินใจยุบสภาเลย กับรออีก 4 เดือน ค่อยยุบสภา มันต่างกันแยะ คะแนนนิยมของพรรคภูมิใจไทยสูงขึ้น แต่พรรคประชาชนกลับต่ำลง
“การเมืองของผู้ใหญ่ กับของเด็กมันต่างชั้นกัน เมื่อคนหนึ่งกินไวน์ อีกคนกินนม ผลลัพธ์จึงเป็นอย่างที่เห็น เป็นเหตุผลที่พรรคประชาชนต้องไปทบทวนตัวเองว่า ทำไมพลาดแล้วพลาดอีกเลือกตั้งครั้งหน้าก็อย่าไปฝันว่าจะได้คะแนนเหมือนตอนรุ่งๆในเมื่อคนที่เขาเลือกมาเตือนแล้วเตือนอีก แต่ไม่ฟัง”