รายงานของ The New York Times เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกว่า จีน ได้ลำเลียงอาวุธหนักเข้าสู่ กัมพูชา เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผ่านเครื่องบินทหารหลายเที่ยวบิน ก่อนเกิดเหตุปะทะชายแดนระหว่าง ไทย–กัมพูชา ในช่วงปลายกรกฎาคม 2568 การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดข้อสงสัยว่าจีนอาจมีบทบาทสำคัญต่อความรุนแรงที่ปะทุขึ้น ทั้งที่รัฐบาลจีนและกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่าเป็นการเคลื่อนย้ายเพื่อการฝึกร่วมทางทหาร ไม่ใช่เพื่อสร้างความตึงเครียด
จีนลำเลียงยุทโธปกรณ์สู่กัมพูชา
รายงานอ้างอิงเอกสารข่าวกรองของไทยที่ถูกส่งต่อให้สื่อสหรัฐฯ ระบุว่าเครื่องบินทหารจีนเดินทางเข้าสู่จังหวัดสีหนุวิลล์อย่างน้อย 6 เที่ยวบินในเดือนมิถุนายน ภายในบรรทุก จรวดหลายลำกล้อง กระสุนปืนใหญ่ และครก ซึ่งถือเป็นอาวุธหนักที่สามารถเปลี่ยนสมดุลของสนามรบได้
การส่งอาวุธเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ชายแดนไทย–กัมพูชาจะเกิดการยิงปะทะจริง โดยมีการใช้ปืนใหญ่และระบบยิงจรวด ทำให้พลเรือนจำนวนมากต้องอพยพหนีตาย เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลทั้งสองประเทศต้องเร่งเจรจาเพื่อยุติความรุนแรง

กัมพูชา-จีน ปฏิเสธเสียงแข็ง
ฝ่าย กัมพูชา ไม่ได้ปฏิเสธว่ามีการลำเลียงยุทโธปกรณ์จริง แต่ยืนยันว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมสำหรับการฝึกร่วมทางทหารกับจีน ทั้งยังระบุว่าเป็นเรื่องปกติของความร่วมมือด้านความมั่นคง
ขณะที่ จีน ออกแถลงการณ์ปฏิเสธเสียงแข็ง โดยชี้แจงว่าไม่ได้ส่งอาวุธเพื่อใช้โจมตีประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจสร้างความเข้าใจผิดและเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา
การเปิดโปงข้อมูลโดยสื่อระดับโลกทำให้สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาได้รับความสนใจจากประชาคมระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น นักวิเคราะห์ชี้ว่า หากข้อกล่าวหาเป็นจริง จะสะท้อนถึงบทบาทที่จีนมีต่อการเสริมศักยภาพทางทหารของกัมพูชา และอาจกลายเป็นประเด็นถกเถียงด้านความมั่นคงในอาเซียน
ในอีกด้านหนึ่ง ไทยได้เร่งตั้งคณะผู้สังเกตการณ์และผลักดันให้มีการหารือทางการทูตเพื่อควบคุมสถานการณ์ โดยย้ำว่าเป้าหมายหลักคือการรักษาเสถียรภาพและความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน