เริ่มนับหนึ่งกับกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ฝ่ายการเมือง สส., สว. ร่วมกันสะเดาะกุญแจ ปลดล็อกโซ่ตรวนพันธนาการระบอบประชาธิปไตย แต่จะไปได้ไกลแค่ไหน จะแก้กันได้กี่ปม ให้อนาคตเป็นตัวตัดสิน
แต่วันนี้ถือว่าเริ่มนับหนึ่งอย่างที่ “นายกฯหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ว่าเอาไว้ “อย่างน้อยก็ได้นำเข้าสภา ถือว่าได้เริ่มแล้ว” และเป็นส่วนหนึ่งใน MOA ที่ให้ไว้กับพรรคประชาชน
การลงลึกในรายละเอียดเนื้อหาที่จะต้องแก้ไข ไปว่ากันในชั้นกรรมาธิการ วาระ 2-3 เพราะในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ ของพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย แม้จะมีวัตถุประสงค์ลักษณะเดียวกัน คือให้มี ส.ส.ร. และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มาเป็นผู้ยกร่าง แต่ยังมีหลายส่วนที่แตกต่างกันพอสมควร โดยเฉพาะประเด็นที่มาของ ส.ส.ร.
ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงยังเป็นหนังเรื่องยาว ที่สำคัญอยู่ที่ “ทีมอำนาจนำประเทศไทย” จะยอมให้แตะมากน้อยแค่ไหน

แก้รัฐธรรมนูญก็แก้กันไป และวันนี้ก๊วนส้ม ก็คงสาละวนอยู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามเป้าประสงค์ ส่วนเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่รัฐบาลอนุทิน ไป
เวลาที่เหลืออยู่อีกเพียง 3 เดือนเศษ ค่ายน้ำเงิน เลยต้องรีบจัดแถวข้าราชการให้สะเด็ดน้ำ ทันรับศึกเลือกตั้งที่จะมาถึงในอนาคตอันใกล้
ล่าสุด ครม. เพิ่งจะมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอโยกย้ายข้าราชการล็อตใหญ่ ถึง 45 ตำแหน่ง อาทิ ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าฯนครราชสีมา โชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าฯสงขลา ภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าฯระยอง ให้พ้นจากตำแหน่ง เด้งมาเป็นรองปลัดกระทรวง
ชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าฯขอนแก่น ชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าฯอุบลราชธานี ทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าฯเชียงใหม่ ศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าฯสตูล สมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าฯหนองคาย สุพจน์ ภูติเกียรติขจร ผู้ว่าฯระนอง อธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าฯกาญจนบุรี กลุ่มนี้ถูกยัดเข้ากรุเป็นผู้ตรวจฯ
กวาด สิงห์แดง สายเพื่อไทย เข้ากรุเรียบ
นฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ตรวจ ขึ้นนั่งอธิบดีกรมการปกครอง สยาม ศิริมงคล ผู้ว่าฯสมุทรปราการ ขึ้นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน พรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัด คืนสู่เก้าอี้อธิบดีกรมที่ดิน ธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าฯอุทัยธานี นั่งอธิบดี ปภ. ธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานี นั่งอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กลุ่มนี้คือ สิงห์น้ำเงิน ล้วนแต่สายตรงเขากระโดง
นอกนั้นเป็นการจัดแถวคนของตัวเอง ลงพื้นที่จังหวัดใหญ่ จังหวัดเป้าหมายที่จะเก็บกวาด สส. ให้เป็นกอบเป็นกำในการเลือกตั้งรอบหน้า อย่าง อังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ตรวจ ไปเป็นผู้ว่าฯกระบี่ ชูชีพ พงษ์ไชย รองปลัด ไปผู้ว่าฯเชียงราย โยกสลับ รัฐพล นราดิศร มาเป็นผู้ว่าฯเชียงใหม่ อนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าฯศรีสะเกษ มาผู้ว่าฯนครราชสีมา ชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล ผู้ตรวจ มาผู้ว่าฯพระนครศรีอยุธยา ศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าฯนครสวรรค์ มาผู้ว่าฯสมุทรปราการ จุมพฎ วรรณฉัตรสิริ รองปลัด เป็นผู้ว่าสุราษฎร์ธานี ณรงค์ เทพเสนา ผู้ตรวจเป็นผู้ว่าฯอุบลราชธานี
การจัดแถวล้างบาง สิงห์แดง ปูนบำเหน็จคืนให้ สิงห์น้ำเงิน แบบนี้ แม้ “เสี่ยหนู” จะอ้างว่าเป็นปลัดมหาดไทย คือผู้ชงเรื่องขึ้นมา แต่ถ้าไม่มีใบสั่งการเมือง ถามว่าการล้างบาง “บิ๊กล็อต” ขนาดนี้ แค่ระดับปลัดกระทรวง จะกล้าหรือ
ก็ขนาดตัวเองยังจะเอาตัวไปรอด มีกระแสข่าวจะโดนเด้งมาตลอดตั้งแต่การเมืองพลิกขั้ว
ข้ออ้างว่า “คืนความเป็นธรรม” ก็เพียงแค่ลมปาก เพราะเป้าประสงค์หลักคือ เกมอำนาจ 4+4 กับตัวเลข สส. ที่ต้องทะลุเพดาน 120++
สานต่ออำนาจ ที่มี สว.สีน้ำเงิน เป็นลูกมือ แต่งตั้งบุคคลเข้าสู่องค์กรอิสระ
ระบอบเขากระโดง การเมืองมาเฟีย กำลังกลืนกินประเทศไทย