รัฐบาลภายใต้การนำของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เปิดเกมล้างภาพเงินเทา เดินหน้าปราบสแกมเมอร์ พร้อมลงนาม MOU 14 หน่วยงาน ขณะฝ่ายค้านเตรียมยื่นซักฟอกรัฐบาล กระแสยุบสภาเริ่มแรง
ก็ดูขึงขัง..ดึ๋งดั๋งดี แต่รอพิสูจน์กันที่เนื้องาน
หลังโดนปรามาสมาเยอะ กับสภาพรัฐบาลที่ต้องฝ่ากระแส “เงินทุนเทา-ดำ” ที่กำลังกลืนกิน
นายกฯ“หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล เริ่มออกแอกชั่นกันถี่ยิบ ตั้งแต่ไปเป็นประธานมอบนโยบายให้แก่คณะกรรมการ คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ตามมาด้วย เป็นประธานเปิดการประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียน ครั้งที่ 43 (The 43rd ASEANAPOL Conference) ที่ปีนี้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
สั่งล้างบางแก๊งสแกมเมอร์ กลุ่มอาชญากรรมทางการเงิน – อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ไล่เก็บกวาด “เงินเทา-เงินดำ” ให้เหี้ยน
จับตาไปที่กลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียง-นักการเมือง กับบทสปีชอันสวยหรู “เงินที่ไม่สะอาดเป็นเงินดำ ฟอกอย่างไรก็ยังเป็นดำ”
จนนำมาสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจ MOU ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ประกาศสงครามกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Scammer) ของ 14 หน่วยงานภาครัฐ
อันได้แก่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ
ดูๆ ไป นายกฯ“หนู” ดูจะคลั่งไคล้กับการลงนาม MOU ทำอะไรสากกะเบือยันเรือบ ก็ต้องลงนาม MOU อาจด้วยเพราะเป็นรัฐบาล MOA ที่ลงนามกับค่ายส้ม
จนคนเริ่มนินทา นายกฯ“หนู” ดีแต่ป้อ ล่อไม่เป็น
ความจริงก็เป็นอำนาจของนายกฯ ในฐานะผู้นำรัฐบาล ที่มีหน่วยงานเหล่านี้เป็นองคาพยพภายใต้การกำกับดูแลอยู่แล้ว แค่(กล้า)ใช้อำนาจที่มีตามกฎหมาย และที่มีอยู่ในระเบียบปฏิบัติ นำหน่วยงานเหล่านี้มาบูรณาการทำงาน ก็เพียงพอแล้ว
ไม่เห็นจะต้องท่ามาก เล่นท่ายาก ให้มันยืดเยื้อ แต่ก็นั่นแหละ เพราะตำบลกระสุนตก “แก๊งเงินเทา-เงินดำ” อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ใต้ชายคาทำเนียบนั่นเอง
“ลูบหน้า ก็ปะจมูก” เลยต้องออกลีลาท่าเยอะเอาไว้ก่อน ให้เห็นว่าแอกชั่นแล้ว เพราะขืนไม่มีท่าทีอะไรออกมา นอกจากจากเสียแต้มความนิยมแล้ว ยังจะโดนกดดันจากนานาประเทศ ดีไม่ดีอาจถูก “แซงชั่น” ซ้ำเติมวิกฤติประเทศเข้าไปอีก
แต่สถานการณ์วันนี้เริ่มไหลไปไกล จากแก๊งสแกมเมอร์ – อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ลุกลามไปที่ “โควตาหวย” ภายใต้อิทธิพล “เจ้าพ่อกองสลาก – บิดาห้าเสือ” ที่คุณก็รู้ว่าใคร
ที่ตัวตึงค่ายส้มอย่าง “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก – รังสิมันต์ โรม – ธนเดช เพ็งสุข ดาหน้าออกมาแฉยับๆ ฮุบสวัสดิการของพี่น้องทหารผ่านศึก ที่ได้รับโควตาต่องวดนับหมื่นฉบับ
ตอกย้ำภาพจำ “การเมืองสีเทา” ที่อยู่ร่วมชายคาทำเนียบ ยิ่งฉุดกระแสความเชื่อมั่น ทำเอาห้วงเวลา “ฮันนีมูน สวีท” ช่างสั้นแสนสั้น
กระแสนิยมที่กำลังพุ่งอยู่ดีๆ มาเจอทีมพี่หน่วง คอยถ่วงรั้งอยู่อย่างนี้ “ทีมหลังบ้าน เซราะกราว” แทบไปไม่เป็นเหมือนกัน
เริ่มส่งสัญญาณผ่านท่าที นายกฯ“หนู” กับไทม์ไลน์ยุบสภา ภายในวันที่ 31 มกราฯ 2569 ที่พวกนักข่าวจมูกไว ตามไล่ถามมา 2-3 วัน ยังคงตามกำหนดเดิมหรือไม่
“ไม่ยืนยัน ไม่มีอะไรต้องยืนยัน” เป็นคำยืนยันต่อนักข่าว ของนายกฯ
ตีความได้ว่า MOA เริ่มจะแกว่งๆ แปร่งๆ
บวกกับท่าที พรรคเพื่อไทย ต้องยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่ๆ ซึ่งจะกลายเป็นเกมบีบ ทั้งรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน ไปในตัว
ถ้าญัตติถึงมือ ประธานวันนอร์ อำนาจยุบสภาในมือ นายกฯหนู ก็เท่ากับเป็นศูนย์ อยู่ที่“แกนนำแก๊งเซราะกราว” จะล็อบบี้“ประธานวันนอร์” ได้หรือไม่
และยิ่งถ้าญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถูกบรรจุเข้าสู่วาระ พรรคประชาชน ไม่มีทางโหวตเป็นอื่น เพราะถ้าไปโหวต “ไว้วางใจ” หรือแม้แต่ “งดออกเสียง” ค่ายส้ม..จบเห่ ทันที
จะยุบสภาก่อน หรือลากยาวอำนาจต่อ แค่เส้นบาง ๆ แบ่ง
แต่ที่แน่ๆ ราคาค่าโหวต“งูเห่า” พุ่งทะลุเพดานแน่นอน..!


