กทม.เผยค่าฝุ่น PM2.5 เพิ่มสูงจากสภาพอากาศปิดและอัตราการถ่ายเทอากาศลดลง หลายเขตเข้าสู่ระดับสีส้ม จึงแนะให้หน่วยงานและประชาชน Work from Home 4 ธันวาคม เพื่อลดการสะสมของมลพิษ
สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในกรุงเทพฯ ยังน่าเป็นห่วง หลัง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ว่า ค่าฝุ่นหลายเขตพุ่งขึ้นสู่ระดับสีส้ม ท่ามกลางสภาพอากาศปิดจากมวลอากาศเย็นกดทับ ทำให้การกระจายตัวของฝุ่นลดลง และเข้าสู่ช่วงฤดูฝุ่นประจำปี กทม.จึงเชิญชวนหน่วยงานและประชาชนให้พิจารณา Work from Home ในวันที่ 4 ธันวาคม 2568 เพื่อบรรเทาฝุ่นและลดความหนาแน่นของการจราจรที่เป็นต้นเหตุสำคัญของมลพิษ
ค่าฝุ่นกรุงเทพฯ พุ่งระดับสีส้ม กระทบทั้งเมืองและปริมณฑล
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ระบุว่า กรุงเทพมหานครเริ่มเปลี่ยนผ่านจากฤดูฝนเข้าสู่ฤดูฝุ่น ซึ่งมักยาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ โดยสถานการณ์ปีนี้พบค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับสีส้มแทบทุกเขต ไม่เพียงเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ แต่ยังครอบคลุมจังหวัดปริมณฑล เช่น นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสงคราม ฉะเชิงเทรา และปทุมธานี ที่ต่างได้รับผลกระทบจากคุณภาพอากาศที่เสื่อมลงพร้อมกัน
กทม.ชี้แจงเกณฑ์วัดค่าฝุ่นว่า ใช้มาตรฐาน “ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.)” ไม่ใช่ค่า AQI ซึ่งทำให้ตัวเลขแตกต่างกันอย่างมาก โดยแบ่งค่าฝุ่นเป็น 5 ระดับสี ตั้งแต่ฟ้า เขียว เหลือง ส้ม ไปจนถึงสีแดงที่เป็นระดับอันตราย ทั้งนี้ ระดับสีส้มเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และประชาชนควรป้องกันตนเองเมื่ออยู่กลางแจ้ง

ผลกระทบต่อสุขภาพและข้อแนะนำสำหรับประชาชนช่วงค่าฝุ่นสูง
กทม.แจ้งว่า คุณภาพอากาศในระดับสีส้มส่งผลต่อประชาชนทั่วไป โดยผู้ที่ต้องอยู่กลางแจ้งควรสวมหน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้ง รวมถึงลดระยะเวลาทำกิจกรรมที่ใช้แรงมาก เพื่อหลีกเลี่ยงอาการผิดปกติ เช่น ไอ ระคายเคืองตา หรือหายใจลำบาก
สำหรับกลุ่มเสี่ยง อาทิ เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมนอกอาคารให้มากที่สุด และปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์ หากมีอาการรุนแรงให้รีบพบแพทย์ทันที เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวจากการสะสมของฝุ่นขนาดเล็ก
3 ปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าฝุ่นเพิ่มสูงในช่วงนี้
ปัจจัยแรก ที่ทำให้ค่าฝุ่นในกรุงเทพฯ พุ่งสูง คือ “สภาพอากาศปิด” จากการที่มวลอากาศเย็นเข้าปกคลุมพื้นที่ ทำให้คล้ายมีฝาชีครอบเมือง ส่งผลให้ฝุ่นลอยตัวและกระจายออกได้ยาก แม้ปริมาณฝุ่นจะเท่าเดิม แต่เมื่อการถ่ายเทอากาศลดลง ความหนาแน่นของมลพิษก็จะเพิ่มสูงขึ้นทันที ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงฤดูหนาว
ปัจจัยที่สองและสาม เกิดจาก “อัตราการถ่ายเทอากาศ” ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม อัตราการถ่ายเทอากาศอยู่ที่ 1,200 ตารางเมตรต่อวินาที แต่ในวันที่ 2 ธันวาคม ลดลงเหลือ 600 ตารางเมตรต่อวินาที ซึ่งถือเป็นค่าต่ำสุดในรอบหลายวัน ทำให้ฝุ่นสะสมจนหลายพื้นที่กลายเป็นสีส้ม ส่วนการพยากรณ์คาดว่า สถานการณ์การถ่ายเทอากาศจะดีขึ้นในวันที่ 3–4 ธันวาคม ก่อนจะแย่อีกครั้งในช่วง 5–7 ธันวาคม และกลับมาดีขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมเป็นต้นไป
กทม.เชิญชวน Work from Home วันที่ 4 ธันวาคม ลดจราจร–ลดฝุ่น
จากสถานการณ์ฝุ่นที่มีแนวโน้มผันผวนในสัปดาห์นี้ กทม.ขอให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน พิจารณา Work from Home วันที่ 4 ธันวาคม เพื่อลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนน ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งปล่อยมลพิษ PM2.5 โดยตรง มาตรการดังกล่าวคาดว่าจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจรและลดการสะสมของฝุ่นในพื้นที่เมืองอย่างมีนัยสำคัญ
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ย้ำว่า การเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และการมีส่วนร่วมของประชาชนในมาตรการลดมลพิษ เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้กรุงเทพฯ ผ่านช่วงฤดูฝุ่นไปได้โดยมีผลกระทบต่อสุขภาพน้อยที่สุด


