เปิดข้อมูลกัมพูชารุกหนัก 5 วัน ใช้จุดสูงคุมโดรนกดดันแนวชายแดนไทย

รายงานจาก กองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาในช่วง 5 วันที่ผ่านมา (สิ้นสุดวันที่ 12 ธ.ค. 68) พบการใช้โดรนโจมตีหลายครั้งจากฝั่งกัมพูชา โดยมีผู้ควบคุมซึ่งไม่ใช่กำลังพลกัมพูชาอยู่เบื้องหลัง ขณะเดียวกันยังมีการตรวจพบซากโดรนในพื้นที่ช่องบกและช่องอานม้า ซึ่งมีลักษณะสอดคล้องกับ “โดรน FPV แบบพุ่งชน” ที่ใช้ในสงครามยูเครน–รัสเซีย สะท้อนถึงการพัฒนาเชิงยุทธวิธีใหม่ที่เข้ามามีบทบาทในความขัดแย้งบริเวณพรมแดนภาคอีสานของไทย

กัมพูชารุกหนัก 5 วัน ใช้จุดสูงคุมการปล่อยโดรนโจมตี

รายงานระบุว่า ฝั่งกัมพูชาเดินหน้าใช้อาวุธโดรนเข้าสู่พื้นที่ไทยต่อเนื่องตลอด 5 วัน โดยการปฏิบัติส่วนใหญ่ถูกส่งจากเนินสูง เช่น เนิน 745 และเนิน 677 ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สามารถมองเห็นฝั่งไทยได้อย่างชัดเจน ทำให้ฝ่ายกัมพูชามีความได้เปรียบทั้งด้านระยะตรวจการณ์และการควบคุมเส้นทางบินของโดรน

ข้อมูลจากหน่วยข่าวภาคสนามระบุว่า จุดสูงเหล่านี้ทำหน้าที่เสมือนฐานปล่อยโดรน เนื่องจากโดรนที่บินจากระดับสูงลงสู่พื้นที่ต่ำสามารถควบคุมได้ง่ายกว่า อีกทั้งภูมิประเทศที่เป็นหุบเขาและป่าทึบยังช่วยอำพรางสายควบคุมหรือสัญญาณ ทำให้การตรวจจับจากฝั่งไทยทำได้จำกัด

ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีที่เกิดขึ้นมีแบบแผนต่อเนื่อง บ่งชี้ว่าผู้ควบคุมโดรนมีประสบการณ์สูงและผ่านการฝึกจริง ไม่ใช่กำลังพลที่เริ่มต้นใช้อาวุธชนิดนี้ใหม่ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อจุดตั้งรับของไทยอย่างมีนัยสำคัญ

ชิ้นส่วนโดรนฟ้องชัด ลักษณะตรงกับ “โดรน FPV” ในสมรภูมิยูเครน–รัสเซีย

เมื่อเทียบชิ้นส่วนโดรนที่ทหารไทยตรวจเก็บได้ พบว่ามีส่วนประกอบใกล้เคียงกับโดรน FPV แบบพุ่งชนที่ใช้ในแนวรบยุโรปตะวันออก ทั้งเฟรมคาร์บอนไฟเบอร์ขนาด 5 นิ้ว แบตเตอรี่ LiPo หัวต่อ XT60 และหัวรบที่ติดตั้งผ่านสายรัดและเคเบิลไทร์ ทำให้สามารถรับน้ำหนักวัตถุระเบิดขนาดเล็กได้

โดรน FPV หรือ First Person View เป็นอาวุธต้นทุนต่ำแต่มีพลังทำลายสูง โครงสร้างที่ไม่ซับซ้อนและการควบคุมผ่านแว่นภาพแบบเรียลไทม์ทำให้ผู้ควบคุมสามารถนำโดรนพุ่งชนเป้าหมายด้วยความแม่นยำ จุดเด่นนี้ทำให้โดรนประเภทดังกล่าวได้รับการนำไปประยุกต์ใช้ในหลายพื้นที่ความขัดแย้งทั่วโลก รวมถึงชายแดนไทยในครั้งนี้

รายงานยังระบุว่ามีการตรวจพบเสียงคำสั่งภาษาอังกฤษ เช่นคำว่า “finished” จากสัญญาณสื่อสาร ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบคำสั่งของนักบิน FPV ในสมรภูมิยูเครน–รัสเซีย และไม่ใช่ภาษาที่ใช้โดยทหารกัมพูชาโดยทั่วไป

ผู้ควบคุมไม่ใช่กำลังพลกัมพูชา คาดมีบุคคลภายนอกสนับสนุน

เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยประเมินว่า โดรนทั้งระบบไม่ได้ถูกลำเลียงมาจากสมรภูมิตะวันออกยุโรป เนื่องจากมีกฎควบคุมการส่งออกยุทโธปกรณ์ที่เข้มงวด แต่การถ่ายทอด ความรู้ เทคนิคการประกอบ และการฝึกนักบินสามารถทำได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะผ่านบุคคลภายนอกที่เดินทางเข้าประเทศในฐานะพลเรือน เช่น นักกีฬาโดรนหรือช่างเทคนิค

ความเชื่อมโยงนี้สอดคล้องกับข้อมูลหน่วยข่าวที่ระบุว่า ผู้ควบคุมโดรนมีทักษะสูงและมีประสบการณ์จริง การโจมตีจึงมีความแม่นยำและทำได้ในพื้นที่ซับซ้อนด้านภูมิประเทศอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันการใช้ระบบควบคุมผ่านสายไฟเบอร์ออปติกในบางเที่ยวบิน ทำให้สัญญาณปลอดจากการถูกรบกวนโดยอุปกรณ์ jammer ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญของไทยในสถานการณ์ครั้งนี้

ไทยเสียเปรียบด้านภูมิประเทศ–เทคโนโลยี ต้องเร่งปรับยุทธวิธีรับมือ

ผลจากการเผชิญหน้าตลอด 5 วัน ทำให้ไทยประเมินว่าความได้เปรียบของกัมพูชาไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยีที่เหนือกว่า แต่เกิดจากการเลือกพื้นที่โจมตีที่เหมาะสม บวกกับการได้รับการถ่ายทอดเทคนิคการปฏิบัติการโดรนแนวรบสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง

ความยากลำบากของฝ่ายไทยจึงอยู่ที่พื้นที่ตั้งรับซึ่งต่ำกว่า ระบบ jammer ที่ไม่สามารถสกัดโดรนแบบใช้สายได้ และแรงกดดันจากการโจมตีที่ไม่สามารถระบุแหล่งควบคุมได้ชัดเจน ทำให้จำเป็นต้องปรับแผนยุทธวิธีใหม่ ตั้งแต่การจัดกำลัง การเสริมระบบตรวจจับ ไปจนถึงการพัฒนาความพร้อมด้านสงครามโดรนในระยะยาว

ภราดรย้ำภูมิใจไทยจริงใจที่สุดแก้รัฐธรรมนูญ รับพับคนละครึ่งพลัสหลังยุบสภา

ชูวิทย์ชี้พรรคประชาชนถูกหลอกซ้ำ ปมภูมิใจไทยหักคำพูดก่อนยุบสภา