สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชายังคงตึงเครียดเป็นวันที่ 5 ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย เปิดเผยว่าจะมีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในคืนวันที่ 12 ธันวาคมนี้ เวลา 21.20 น. ตามเวลาไทย เพื่ออัปเดตสถานการณ์การปะทะและแนวทางยุติความรุนแรง หลังทรัมป์ย้ำว่าจะผลักดันให้ข้อตกลงหยุดยิง “กลับคืนสู่เส้นทางเดิม” ขณะที่รัฐบาลรักษาการของไทยยืนยันมีอำนาจเต็มในการจัดการสถานการณ์ชายแดนและเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

อนุทินเตรียมอัปเดตสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาให้ทรัมป์ฟัง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ระบุว่า การพูดคุยกับ โดนัลด์ ทรัมป์ จะมุ่งเน้นการรายงานสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งยืดเยื้อมาหลายวัน และเป็นประเด็นที่ทรัมป์ติดตามใกล้ชิด หลังจากครั้งล่าสุดทั้งคู่ได้พูดคุยกันเมื่อช่วงการเยือนจีนเมื่อเกือบหนึ่งเดือนก่อน โดยนายกรัฐมนตรีไทยยืนยันว่า ไทยมี “อำนาจเต็ม” ในการหารือและตัดสินใจเรื่องความมั่นคงชายแดนภายใต้ระบบรัฐบาลรักษาการ
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า การตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ยังอยู่ในกรอบอำนาจที่กองทัพไทยได้รับมอบหมาย เพื่อปกป้องอธิปไตยและดินแดน ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนยังคงกังวลว่าหลังยุบสภา สถานการณ์อาจยืดเยื้อ แต่รัฐบาลย้ำว่าจะใช้กฎหมายและกลไกที่มีอยู่เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มที่
รัฐบาลรักษาการยืนยันอำนาจเต็ม แม้เข้าสู่ช่วงเตรียมเลือกตั้ง
นายอนุทินชี้แจงว่า แม้มีการยุบสภาแล้ว แต่รัฐบาลรักษาการยังคงใช้อำนาจได้ตามรัฐธรรมนูญ ยกเว้นบางประเด็นที่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนดำเนินการ โดยไทม์ไลน์การเลือกตั้งที่คาดการณ์ตามกรอบกฎหมาย จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 60 วัน และประกาศรับรองผลภายใน 45 วัน จากนั้นจึงเริ่มกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ คาดว่าอาจใช้เวลาราว 1 เดือน
เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน รัฐบาลเตรียมจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดสงขลาในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ เพื่อเร่งฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนและปัญหาทางเศรษฐกิจ ขณะที่หน่วยความมั่นคงยังคงติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
ทรัมป์เดินหน้ากลับมามีบทบาท ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งในภูมิภาค
รายงานจากสื่อต่างประเทศระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความกระตือรือร้นในการกลับมามีบทบาทไกล่เกลี่ยความขัดแย้งไทย–กัมพูชาอีกครั้ง โดยย้ำในงานเลี้ยงสังสรรค์รัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อคืนวันที่ 11 ธันวาคมว่า ตนมี “ความน่าเชื่อถือในฐานะผู้สร้างสันติภาพระดับโลก” พร้อมอ้างว่าเคยช่วยแก้ไขความขัดแย้งมาแล้วหลายกรณีทั่วโลก
ทรัมป์ยังกล่าวว่า จะโทรศัพท์หาผู้นำทั้งสองประเทศ “อีก 2–3 ครั้ง” หากจำเป็น เพื่อผลักดันให้ข้อตกลงหยุดยิงที่สหรัฐฯ เคยมีบทบาทสำคัญในการเจรจากลับมาเดินหน้า พร้อมย้ำว่า “เราจะทำให้ข้อตกลงนั้นกลับไปอยู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็นให้ได้”
ประเด็นดราม่าเรื่องเครื่องบินส่วนตัว เบน สมิธ–อนุทินปฏิเสธชัด
เมื่อถูกถามถึงรายงานของนักข่าวสายสืบสวนอย่าง ทอม ไรท์ ที่อ้างว่า นายอนุทิน เคยให้ นายเบน สมิธ ใช้เครื่องบินส่วนตัว นายกรัฐมนตรีไทยยืนยันว่า “ไม่เคย” และไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับข้อกล่าวหาดังกล่าว นอกจากนี้ เขายังได้รับรายงานกรณีคนไทยถูกกักตัวที่ด่านปอยเปต ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงกำลังดำเนินการแก้ไขตามขั้นตอน
ขณะเดียวกัน มีข้อสังเกตทางการเมืองเกี่ยวกับการประกาศยุบสภา ว่าอาจเชื่อมโยงกับคำประกาศหยุดยิงของกัมพูชา แต่นายอนุทินยืนยันว่า การยุบสภาเป็นการตัดสินใจภายในประเทศ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกัมพูชาแต่อย่างใด
ไทยเดินหน้าหารืออันวาร์–ทรัมป์ และติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง
ในช่วงเย็นวันเดียวกัน นายอนุทินมีกำหนดหารือกับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน รวมถึงหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลความมั่นคงระดับภูมิภาค และหาทางคลี่คลายสถานการณ์ให้เร็วที่สุด
ก่อนการสนทนากับผู้นำต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีไทยจะเดินทางไปที่กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อติดตามข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการปะทะและมาตรการของฝ่ายความมั่นคง พร้อมย้ำว่ารัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้สถานการณ์ยุติลงก่อนถึงวันเลือกตั้ง


