แม้คนจีนเที่ยวมากขึ้นในช่วงหยุดยาววันชาติ แต่กลับใช้เงินต่อทริปน้อยลง เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด แม้ว่ายอดการออกเดินทางเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น 10.2% เมื่อเทียบกับปี 2019 แต่การใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแค่ 7.9% การใช้จ่ายต่อทริปลดลง 2.1% อย่างไรก็ตาม ยอดค้าปลีกในช่วงวันหยุดยาวยังคงเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบจากปี 2023
ชาวจีนใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวน้อยลงในช่วงหยุดยาววันชาติ ซึ่งน้อยกว่าช่วงก่อนโควิด-19 แม้มีสัญญาณว่าการใช้จ่ายกำลังมีเสถียรภาพ หลังจากที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นชุดใหญ่
จากข้อมูลที่เผยแพร่โดยกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว (Ministry of Culture and Tourism) ตัวเลขการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวเพิ่มขึ้น 10.2% เมื่อเทียบกับช่วงหยุดยาวปี 2019 แต่การใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแค่ 7.9% เท่านั้น หมายความว่าการใช้จ่ายต่อทริปลดลง 2.1% เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน และมีการใช้จ่ายต่อวันโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 131 หยวน (ราว 620 บาท) ต่อทริป ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 113 หยวน (ราว 530 บาท) ต่อทริปในช่วงหยุดยาววันแรงงานเดือนพฤษภาคม
โกลด์แมน แซกส์ (Goldman Sachs) ระบุว่า การใช้จ่ายท่องเที่ยวต่อหัวที่ต่ำและราคาบริการที่ลดลงบ่งชี้ว่าอุปสงค์ภายในประเทศยังคงต่ำและการบริโภคยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
นับเป็นภาพคร่าว ๆ ว่ามาตรการที่ประกาศใช้โดยรัฐบาลก่อนช่วงวันหยุดยาวส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอย่างไรบ้าง หลังจากที่รัฐบาลจีนพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่เป็นเวลาหลายเดือน
โดยราคาหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้นหลังมีมาตรการกระตุ้น แม้จะมีข้อกังวลว่า รัฐบาลจีนจำเป็นต้องแก้ปัญหาอีกหลายประการจึงจะมั่นใจได้ว่าอุปสงค์จะฟื้นตัวต่อไป
มิเชลล์ หลั่ม (Michelle Lam) นักเศรษฐศาสตร์จีนที่โซซิเอเต้ เจเนเรล (Societe Generale SA) กล่าวว่า ตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นอาจช่วยเสริมความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แต่ยังคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจะยั่งยืนหรือไม่ เนื่องจากว่าตลาดแรงงานจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูและต้องรักษาเสถียรภาพของราคาที่อยู่อาศัยด้วย
มาตรการกระตุ้นชุดใหญ่
มาตรการที่ออกมาในช่วงปลายเดือนกันยายน ไม่ว่าจะเป็นการลดอัตราดอกเบี้ย การแจกเงินที่เกิดขึ้นไม่บ่อย และการประคองตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ ยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความช่วยเหลือทางการคลังที่มากพอ ทั้งยังขาดความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาอัตราการว่างงาน หรือดันเพดานตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง
แม้จะให้คำมั่นสัญญาจะจัดสรรงบประมาณลงทุนเพิ่มเติมไปกับโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (National Development and Reform Commission) หรือ NDRC กลับหยุดการกระตุ้นชุดใหญ่ ทำให้นักลงทุนที่คาดว่าจะได้เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเข้มข้นต้องผิดหวัง
มิเชลล์ หลั่ม ขอให้นักลงทุนใจเย็นไว้ก่อน โดยกล่าวว่าความหวังก่อนการแถลงข่าวของ NDRC มีสูงเกินไป เนื่องจากว่ามาตรการกระตุ้นทางการคลังอยู่นอกเหนืออำนาจของหน่วยงาน ซึ่งผู้กำหนดนโยบายต้องการให้ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างยั่งยืน ไม่ให้ซ้ำรอยกับที่เกิดขึ้นในปี 2015
สำนักข่าวซินหัว (Xinhua) รายงานโดยอิงข้อมูลจากสำนักงานสรรพากรจีน (State Taxation Administration) ถึงอีกตัวชี้วัดเบื้องต้นว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงแข็งแรง คือยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น 9% ในช่วงหยุดยาววันชาติ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 และในอีกรายงานหนึ่งซึ่งอิงข้อมูลจากกระทรวงคมนาคม (Ministry of Transportation) ว่าจำนวนโดยเฉลี่ยทั่วประเทศของการเที่ยวแบบข้ามเขต (cross-region trips) ในแต่ละวันตลอดการหยุดยาวเพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี
นอกจากนี้ ชาวจีนจำนวนมากยังคงเดินทางไปฮ่องกงมากขึ้นอีกด้วย โดยเฉลี่ย 170,000 คนต่อวันในช่วงวันหยุดยาว ซึ่งเพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023
ดันแคน ริกลีย์ (Duncan Wrigley) นักเศรษฐศาสตร์จีนที่แพนธีออนมาโครอีโคโนมิกส์ (Pantheon Macroeconomics) กล่าวว่า สิ่งสำคัญในการเสริมความเชื่อมั่นคือมาตรการช่วยเหลือทางการคลัง แม้ว่าการบริโภคในช่วงเทศกาลแข็งแรงขึ้นก็จริง นับตั้งแต่ที่จีนเปิดประเทศอีกครั้ง แต่ก็อาจเป็นเพราะแนวโน้มของนโยบายที่ส่งเสริม หากอยากให้ความเชื่อมั่นฟื้นฟูต่อไป รัฐจีนยังคงต้องทยอยใช้มาตรการทางการคลังอีก

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติธุรกิจ