รัฐบาลแจงชัด! ปมแก้สัญญารถไฟความเร็วสูงและขยายสัมปทานทางด่วน
กรุงเทพฯ – รัฐบาลออกโรงโต้ข้อกล่าวหา
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ออกมาชี้แจงกรณีที่ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวหาว่ารัฐบาลมีการแก้ไขสัญญาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชนใน 2 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และ โครงการขยายสัมปทานทางด่วน โดยยืนยันว่าการดำเนินงานทั้งหมดเป็นไปเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดก่อน และยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ยังไม่มีการเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ
โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน: ปัญหาที่ต้องเร่งแก้
รัฐบาลไม่ได้เอื้อประโยชน์ แต่ต้องการให้โครงการเดินหน้า
นายสุริยะ เปิดเผยว่าโครงการนี้ได้รับอนุมัติจาก ครม. ตั้งแต่ 27 มีนาคม 2561 และลงนามสัญญาร่วมลงทุนเมื่อ 24 ตุลาคม 2562 ขณะที่รัฐบาลปัจจุบันเพิ่งเข้ามาบริหารเมื่อ 12 กันยายน 2567 จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ต้องเข้ามาแก้ไขเพื่อให้โครงการสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยสาเหตุของปัญหาหลัก ได้แก่:
- EEC มีการลงทุนจากภาคเอกชนแล้วกว่า 1.8 ล้านล้านบาท หากยกเลิกโครงการ อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและเศรษฐกิจประเทศ
- โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุน ทำให้เอกชนไม่สามารถชำระค่าสิทธิแอร์พอร์ตเรลลิงก์จำนวน 10,671 ล้านบาท ได้ตามกำหนด
- เกิดภาวะ Dead Lock ของสัญญา เนื่องจากเอกชนไม่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ก่อนหน้า
2 แนวทางในการแก้ไขปัญหา:
- ยกเลิกสัญญาและประมูลใหม่ – เป็นทางเลือกที่ไม่สามารถทำได้ เพราะผิดกฎหมายและอาจทำให้โครงการล่าช้าไปอีก 3 ปี
- แก้ไขสัญญา – แนวทางนี้ช่วยให้โครงการเดินหน้าต่อไป โดยมีการปรับเปลี่ยนดังนี้:
- รัฐลดค่าใช้จ่ายจาก 149,650 ล้านบาท เหลือ 125,932 ล้านบาท ประหยัดงบประมาณไปกว่า 24,000 ล้านบาท
- เอกชนต้องวางหลักประกันเพิ่มเป็น 160,000 ล้านบาท เพื่อสร้างความมั่นคงของโครงการ
- รัฐบาลยังได้รับส่วนแบ่งรายได้เพิ่มขึ้น และเงื่อนไขที่ทำให้รัฐได้ประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิม
นายสุริยะย้ำว่า แนวทางนี้ช่วยให้โครงการเดินหน้าอย่างมั่นคง หากเอกชนไม่สามารถดำเนินการต่อได้ รัฐก็สามารถหาเอกชนรายใหม่มาดำเนินงานได้ทันที ไม่เกิดปัญหาซ้ำรอยแบบโครงการโฮปเวลในอดีต
โครงการขยายสัมปทานทางด่วน: เพื่อการเดินทางที่ดีขึ้น
ลดปัญหารถติด พร้อมปรับค่าทางด่วนให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด
นายสุริยะระบุว่า โครงการ Double Deck เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาจราจรที่มีมาตั้งแต่รัฐบาลก่อน โดย ครม. มีมติให้ศึกษาแนวทางตั้งแต่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 และรับทราบผลการศึกษาเมื่อ 5 เมษายน 2565 โครงการนี้มุ่งแก้ปัญหาการจราจรบนทางด่วนศรีรัชช่วง พระราม 9 – งามวงศ์วาน ที่เดิมรองรับรถได้ 8-9 แสนคันต่อวัน แต่ปัจจุบันมีปริมาณรถสูงถึง 1-1.2 ล้านคันต่อวัน
ประโยชน์ของโครงการ Double Deck:
- ลดเวลาการเดินทางจาก 60 นาที เหลือ 40 นาที
- เพิ่มความเร็วเฉลี่ยจาก 20 กม./ชม. เป็น 27 กม./ชม.
- ประหยัดน้ำมันและเวลาการเดินทาง รวมมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาทต่อปี
- ไม่มีการเวนคืนที่ดินประชาชน ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
ในส่วนของ การลดค่าทางด่วนเหลือ 50 บาท นั้น เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยจะใช้กับทางด่วนเฉลิมมหานครและทางด่วนศรีรัช ซึ่งมีผู้ใช้บริการกว่า 1 ล้านคันต่อวัน
นายสุริยะยืนยันว่า โครงการนี้ผ่านการศึกษาอย่างรอบคอบ ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้เอกชน และพร้อมให้มีการตรวจสอบจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สรุป: รัฐบาลย้ำความโปร่งใส พร้อมให้ตรวจสอบ
รมว.คมนาคม เน้นย้ำว่ารัฐบาลยังไม่ได้อนุมัติทั้งสองโครงการ กระบวนการยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานอัยการสูงสุด และ ป.ป.ช. ซึ่งยังไม่มีการระบุว่ามีการดำเนินการที่มิชอบแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายสุริยะยังเปิดโอกาสให้ นายสุรเชษฐ์ หรือผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าพบที่กระทรวงคมนาคมเพื่อขอคำชี้แจงได้ พร้อมระบุว่า รัฐบาลมุ่งเน้นการแก้ปัญหาให้ประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่การเอื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มทุนใด ๆ

ข้อมูล/ภาพ : infoquest