G-Token คืออะไร? ทำไมอยู่ดีๆ รัฐบาลถึงลุกขึ้นมาสร้างโทเคนดิจิทัลขึ้นเอง แล้วบอกว่ามันจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ? เรากำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคการเงินใหม่…หรือแค่กำลังหาวิธีหาเงินแบบใหม่มาปิดรูรั่วเดิมๆ ของระบบการคลัง?
ถ้า G-Token คือ “พันธบัตรดิจิทัล” สำหรับคนทั่วไป มีเงินแค่ 1 บาทก็ลงทุนกับรัฐบาลได้ งั้นมันไม่ควรเป็นเรื่องที่น่ายินดีหรือ? เพราะมันคือการเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมลงทุนในประเทศของตัวเอง เป็นการระดมทุนที่โปร่งใส ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนบันทึกธุรกรรมทุกบาททุกสตางค์ ไม่หล่นหาย ไม่ล่องหน
แต่คำถามคือ… แล้วทำไมเรายังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ?
ถ้า G-Token ดีจริง ทำไมมันถูกเปิดตัวภายใต้บริบทของ “งบประมาณขาดดุล” ปี 2568 ที่มากถึงเกือบ 8 แสนล้านบาท? ถ้ามันคือการเปลี่ยนแปลงที่ดี ทำไมมันถึงมาพร้อมความเงียบในรายละเอียด? รายได้จาก G-Token จะเอาไปทำอะไรแน่ๆ? แล้วจะมีใครตามตรวจสอบไหม?
แล้วตลาดรองที่บอกว่าสามารถ “ซื้อ-ขายแลกเปลี่ยน” ได้ จะมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน? ใครจะมารับซื้อ G-Token ของเราต่อ? หรือสุดท้ายมันจะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องเก็บไว้ดูเอง เพราะไม่มีใครอยากได้?
ที่น่าห่วงยิ่งกว่าคือภาพลักษณ์ของการใช้บล็อกเชนเพื่อ “สร้างความโปร่งใส” มันฟังดูดีในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติ ถ้าผู้ใช้ระบบไม่เปลี่ยน วิธีคิดไม่เปลี่ยน วัฒนธรรมการใช้เงินภาครัฐไม่เปลี่ยน ต่อให้เป็นเทคโนโลยีระดับโลก ก็อาจกลายเป็นแค่หน้ากากที่ดูดีแต่หลอกตาคน
อีกเรื่องที่หลายคนมองข้ามคือ “ความเสี่ยงของประชาชน” G-Token คือการเปลี่ยนให้ประชาชนเป็นเจ้าหนี้ของรัฐในระบบดิจิทัล คนทั่วไปอาจไม่ได้คิดอะไรมาก แค่รู้ว่าฝากเงินไว้กับรัฐ แล้วจะได้ดอกเบี้ยตอบแทน แต่ถ้าวันหนึ่งเศรษฐกิจเกิดปัญหา หรือรัฐบาลบริหารผิดพลาด ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ? แล้วจะมีใครออกมารับประกันหรือเปล่า?
สุดท้าย ต้องถามว่า G-Token คือ “โอกาส” หรือ “ภาพลวงตา”? มันเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางการเงินของประเทศไทย หรือเป็นเพียงเครื่องมือใหม่ที่รัฐใช้เพื่อยืมเงินประชาชนมาโปะภาระหนี้?
คำถามทั้งหมดนี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่สิ่งที่แน่ๆ คือ…การตัดสินใจลงทุนใน G-Token ไม่ควรเกิดจากการฟังแค่โฆษณาชวนเชื่อ ไม่ควรเกิดจากความรู้สึกว่า “ทุกคนทำกัน” แต่ควรเกิดจากการตั้งคำถามให้ลึกพอ ก่อนจะตัดสินใจปล่อยให้เงินของเราถูกแปลงเป็นโทเคนที่ไม่รู้ว่าจะพาเราไปทางไหน
