ท่านผู้อ่านที่เคารพ
เวลานี้ เศรษฐกิจไทยเสมือนกำลังล่องแพอยู่กลางทะเลคลื่นแรง ขึ้นฝั่งไม่ได้ ก็ลอยต่อไม่ได้ แต่อยู่ ๆ กลับมีข่าวดีเล็ก ๆ ที่ควรค่าแก่การขบคิด…
ขณะที่นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเคยเป็นเสมือน “เส้นเลือดใหญ่” ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หายไปกว่า 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว กลับกลายเป็นว่า นักท่องเที่ยวยุโรปหวนคืนแดนสยาม เพิ่มขึ้นถึง 18.91% คิดเป็นตัวเลขกว่า 3.5 ล้านคน ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568
ถามว่า นี่คือสัญญาณฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หรือแค่ลมเพลมพัดจากแดนไกล?
คำตอบซับซ้อนกว่าที่คิด เพราะแม้จำนวนนักท่องเที่ยวยุโรปจะเพิ่มขึ้นจริง โดยเฉพาะจาก อิสราเอล (+91.07%), โปแลนด์ (+38.94%), ฝรั่งเศส, อังกฤษ, และ เยอรมนี ซึ่งล้วนเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูง แต่คำถามคือ นักท่องเที่ยวเหล่านี้ใช้จ่ายในไทยมากน้อยเพียงใด? และ เงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยจริงหรือไม่? หรือไหลกลับเข้ากระเป๋าบริษัทตัวกลางต่างชาติผ่านแพลตฟอร์มจองโรงแรมและทัวร์ออนไลน์?
ขณะเดียวกัน การที่นักท่องเที่ยวจีนหายไปถึงหนึ่งในสี่ ทั้งที่รัฐบาลไทยพยายาม “เปิดฟรีวีซ่า” เพื่อดึงกลับ ก็สะท้อนว่ามีบางสิ่งที่ลึกกว่านโยบายหน้าฉากกำลังผิดพลาด บางที… มันอาจเป็นปัญหา ความเชื่อมั่นในความปลอดภัย การบริการ และ ความไม่เป็นระบบของแหล่งท่องเที่ยวไทย ที่ยังคงเป็นจุดอ่อน
หรืออาจถึงขั้นที่คนจีนจำนวนไม่น้อย รู้สึกว่า การไปเที่ยวไทยไม่คุ้มค่าอีกต่อไป เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม หรือสิงคโปร์ ที่สร้างภาพลักษณ์ได้เข้มแข็งกว่า
สิ่งที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่แค่ยอดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่หาย แต่คือ ความเปราะบาง ของโมเดลเศรษฐกิจไทยที่ยังฝากความหวังไว้กับ “นักท่องเที่ยว” เป็นหลักในภาวะที่โลกกำลังเปลี่ยน
ถามจริง ๆ เถิด… ประเทศไทยมีแผนรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้หรือไม่?
จะปล่อยให้ทุกอย่างฝากไว้กับ “ฤดูกาล” และ “ดวงดี” ของการท่องเที่ยวตลอดไปหรือ?
อย่าลืมว่า ประเทศไทยยังไม่มีระบบเศรษฐกิจแบบ productivity economy ที่แท้จริง และในวันที่นักท่องเที่ยวลดลง หรือนักลงทุนหนีไป เราจะเหลืออะไรให้ประชาชนพึ่งพา?
เศรษฐกิจไทยวันนี้เหมือนเครื่องบินที่กำลังบินอยู่ด้วยเชื้อเพลิงสำรองของนักท่องเที่ยวยุโรป แต่ถ้ารัฐบาลไม่หาทางเติมน้ำมันระบบใหม่ในเร็ววัน จุดจบอาจไม่สวยเท่าทิวทัศน์ริมหาดที่ขายให้ฝรั่งดู
หากท่านไม่เชื่อ… ขอให้รอดูหลังไฮซีซันว่าจะมีอะไรเหลือบ้างนอกจากความว่างเปล่าที่แท้จริง
