สถานการณ์การท่องเที่ยวไทยในครึ่งปีแรกของปี 2568 ยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่อง โดยรายงานล่าสุดจากธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 13 กรกฎาคม อยู่ที่ 17.75 ล้านคน ลดลง 5.62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้เป้าหมายการท่องเที่ยวประจำปีต้องถูกปรับลดลงเหลือประมาณ 35 ล้านคน น้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 37.5 ล้านคน โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนและมาเลเซียที่หดตัวลงอย่างชัดเจน กลายเป็นแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
จีน–มาเลเซียลดแรง ไทยสูญเสียตลาดหลัก
กลุ่มนักท่องเที่ยวจาก ประเทศจีน ซึ่งเคยเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของไทย ลดลงอย่างมากในช่วงครึ่งปีแรก เหลือเพียงราว 2.4 ล้านคน เทียบกับเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้กว่า 11 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวจาก มาเลเซีย ก็ลดลงเช่นกัน ทั้งที่เคยเป็นกลุ่มตลาดหลักอันดับต้น ๆ ของไทย
ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนลดลง ได้แก่ ความกังวลเรื่องความปลอดภัย หลังเกิดเหตุลักพาตัวและโจรกรรมกับนักท่องเที่ยวจีนในไทยหลายกรณี รวมถึงการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เวียดนาม และ มาเลเซีย ที่ใช้กลยุทธ์ยกเว้นวีซ่าและเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างเข้มข้น
ค่าเงินบาทแข็ง – ค่าครองชีพสูง กระทบการเดินทาง
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ฉุดการเติบโตของการท่องเที่ยวคือ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ต้นทุนด้านที่พักและการเดินทางในประเทศไทยสูงขึ้นในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกันที่มีค่าครองชีพถูกกว่า ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหลายกลุ่มเลือกเดินทางไปประเทศอื่นแทน
ทั้งนี้รัฐบาลไทยตัดสินใจ เลื่อนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเข้าเมือง สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ออกไปเป็นกลางปี 2569 เพื่อจูงใจให้การเดินทางมาไทยไม่สะดุดจากต้นทุนที่สูงขึ้น

ท่องเที่ยวอ่อนแรง ฉุดเศรษฐกิจไทย
การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในฟันเฟืองหลักของเศรษฐกิจไทย โดยเคยมีสัดส่วนคิดเป็นกว่า 20% ของ GDP ในช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม การลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2568 ได้ส่งผลต่อเนื่องไปยังภาคธุรกิจ โรงแรม ร้านอาหาร และบริการที่เกี่ยวข้อง
ธนาคารโลก (World Bank) ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ เหลือเพียง 1.8% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.9% โดยให้เหตุผลสำคัญว่า “ภาคการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นเต็มที่ และยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 1 ปีเพื่อกลับสู่ระดับก่อนโควิด”
ไทยปรับยุทธศาสตร์ หวังดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพ
ภาครัฐเร่งเปลี่ยนกลยุทธ์การส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยมุ่งเป้าไปที่ นักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพสูง จากยุโรป ตะวันออกกลาง อินเดีย และสหรัฐฯ ที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปสูงกว่า พร้อมกับเปิดแคมเปญกระตุ้นความมั่นใจในความปลอดภัย เช่น โครงการ “Thailand Safe Travel Stamp” และแผนประชาสัมพันธ์ “Nihao-Sawadee” เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวจีน
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการท่องเที่ยวหลายรายยอมรับว่า การฟื้นตัวเต็มรูปแบบอาจต้องใช้เวลา และภาคธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง