วันที่ 14 สิงหาคม 2568 กระทรวงการคลังเปิดเผยความคืบหน้าแผน ปฏิรูปภาษี ด้วยนโยบาย Negative Income Tax (NIT) ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยสนับสนุนรายได้ให้ผู้มีรายได้น้อย โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มใช้อย่างเป็นทางการภายในปี 2570 มุ่งสร้างความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจและเพิ่มประสิทธิภาพระบบจัดเก็บภาษีของประเทศ การดำเนินการดังกล่าวอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดเชิงนโยบายและโครงสร้างการจ่ายคืนภาษี ซึ่งจะกำหนดเงื่อนไขชัดเจนก่อนประกาศใช้
Negative Income Tax คืออะไร และทำงานอย่างไร
Negative Income Tax เป็นแนวคิดด้านภาษีที่ถูกเสนอโดยนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังอย่าง มิลตัน ฟรีดแมน ใช้กลไกคืนเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยกว่าระดับที่กำหนด โดยรัฐจะจ่ายเงินสนับสนุนแทนการเก็บภาษี ซึ่งต่างจากระบบภาษีทั่วไปที่ผู้มีรายได้ต้องจ่ายเงินเข้ารัฐ
ในทางปฏิบัติ ผู้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์จะได้รับเงินโอนเข้าบัญชีตามอัตราที่กำหนด ส่วนผู้มีรายได้สูงกว่าเกณฑ์จะยังคงจ่ายภาษีตามอัตราปกติ การดำเนินการรูปแบบนี้ช่วยลดความซับซ้อนของสวัสดิการหลายประเภท และทำให้การช่วยเหลือเป็นระบบเดียวที่ครอบคลุมมากขึ้น
เหตุผลที่ไทยเตรียมนำมาใช้
กระทรวงการคลังระบุว่า ระบบภาษีปัจจุบันยังมีข้อจำกัดในการกระจายรายได้ และมีช่องโหว่ในสวัสดิการที่ไม่ครอบคลุมทุกกลุ่มประชากร การนำ Negative Income Tax มาใช้จะช่วยให้รัฐสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ผู้มีรายได้น้อยได้อย่างตรงจุด ลดปัญหาการซ้ำซ้อนของโครงการสวัสดิการ และสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษีอย่างสมัครใจ
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาว่าการนำระบบนี้มาใช้สามารถกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ และเพิ่มความโปร่งใสในการจัดสรรงบประมาณของรัฐ

ผู้เสียภาษีควรเตรียมตัวอย่างไร
ผู้เสียภาษีควรเตรียมปรับตัวโดยการเข้าสู่ระบบภาษีอย่างถูกต้อง เพื่อให้ข้อมูลรายได้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน เนื่องจากระบบนี้จะอิงข้อมูลจากการยื่นภาษีประจำปีในการคำนวณสิทธิ์การได้รับเงินสนับสนุน
ในช่วงแรก อาจต้องมีการปรับปรุงระบบทะเบียนราษฎรและฐานข้อมูลการเงินของประชาชนให้เชื่อมโยงกับกรมสรรพากรอย่างสมบูรณ์ เพื่อป้องกันการใช้สิทธิ์โดยมิชอบและทำให้การจ่ายเงินคืนเป็นไปอย่างราบรื่น
ติดตามข่าวเศรษฐกิจอื่นๆ ได้ที่ TheMainstream-Business