เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 เพจ The BIG Secret ซึ่งเป็นเพจข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องลับในวงการธุรกิจและการเงิน ได้โพสต์ข้อความเตือนว่า Exchange ไทยเจ้าดังถูกแฮก โดยการแฮ็กเกิดขึ้นที่ warm wallet หรือกระเป๋าเงินออนไลน์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งแม้จะมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนให้ข้อสังเกตจากเอกสารว่าอาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว และไม่มีการยืนยันชื่อ Exchange ที่ถูกแฮก แต่ก็เป็นเรื่องที่สร้างความตกใจให้กับผู้ลงทุนคริปโตในไทยพอสมควร

Exchange คืออะไร?
Exchange เป็นแพลตฟอร์มที่ผู้คนใช้ซื้อขายเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin, Ethereum หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ มีลักษณะคล้ายธนาคารออนไลน์ แต่สำหรับเงินดิจิทัล การเก็บเงินดิจิทัลของผู้ใช้ทำได้หลายแบบ :
- Cold wallet = เก็บแบบออฟไลน์ ปลอดภัยมาก
- Warm wallet = เก็บแบบออนไลน์ ใช้ทำธุรกรรมได้สะดวก แต่มีความเสี่ยงถูกแฮกสูงกว่า
การถูกโจมตีที่ถูกกล่าวถึงต่อ warm wallet หมายความว่าผู้ไม่หวังดีอาจเข้าถึงเงินบางส่วนของ Exchange ได้
การตอบสนองจากผู้เกี่ยวข้อง
หลังจากข่าว Exchange ไทยถูกแฮ็กถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ผู้ประกอบการ Exchange สองเจ้าใหญ่ในไทยก็รีบออกมาตอบสนองเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน
- Binance TH ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าระบบของพวกเขาปลอดภัย มั่นคง และพร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ การแถลงการณ์นี้ชัดเจนว่า Binance TH ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แฮ็กใด ๆ
- Bitkub ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าทรัพย์สินของลูกค้าทุกคนยังคงอยู่ครบถ้วน ความปลอดภัยและความโปร่งใสของระบบถือเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด
ความเห็นผู้เชี่ยวชาญ
ดร. อุดมศักดิ์ รัตนสุวรรณ เจ้าของบัญชี X (เดิมคือ Twitter) @EmUdomsak ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริหารของ ADDLabs และ FWX โดยเขาเป็นที่รู้จักในวงการเทคโนโลยีและบล็อกเชนของไทย โดยเฉพาะในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและวิจัยด้านบล็อกเชน ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า “เรื่อง Exchange ไทยเจ้านึงถูก Hack เอาจริงๆ ผมทราบ และคิดว่าหลายคนทราบ แต่ขอไม่คอมเม้นแล้วกันครับ เอาเป็นว่าไม่ใช่ Binance TH เป็นเรื่องที่เกิดมาซักพักและ เป็นเรื่องที่ถูก hack ที่ ‘warm wallet’ ของ Exchange”

ความเสียหายและการตรวจสอบ
ถึงแม้จะไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก สำนักงาน ก.ล.ต. หรือหน่วยงานกำกับอื่น ๆ ว่า Exchange ไหนถูกแฮ็ก แต่หากพิจารณาว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ Exchange เจ้าใหญ่ของไทย การที่ข้อมูลนี้ถูกปิดบังมาถึงหลายปี ย่อมเกิดการตั้งคำถามต่อความรับผิดชอบของผู้บริหารและผลกระทบต่อผู้ลงทุน
- ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายและความเสี่ยงที่ผู้ใช้อาจได้รับ
- ความเสียหายทางการเงินหรือความเชื่อมั่นของตลาดจะมีมากน้อยเพียงใด
- หน่วยงานกำกับดูแล เช่น สำนักงาน ก.ล.ต. หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย ควรตรวจสอบมาตรการความปลอดภัยและบังคับใช้กฎเกณฑ์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำ
การตั้งคำถามเหล่านี้ช่วยเน้นให้เห็นความสำคัญของความโปร่งใสในตลาดคริปโต และความจำเป็นในการปกป้องผู้ลงทุนจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น