นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 ว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) พบความผิดปกติในการส่งออกทองคำไทยไปยังกัมพูชา โดยตัวเลขอยู่ในระดับหมื่นล้านบาท ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน และอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าผิดธรรมชาติ จนกระทบทั้งภาคส่งออกและการท่องเที่ยว กกร.จึงเตรียมหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานรัฐเพื่อหาทางออกโดยเร็ว
ค่าเงินบาทแข็งสวนทางเศรษฐกิจจริง
นายเกรียงไกรระบุว่า ค่าเงินบาทแข็งขึ้นต่อเนื่อง จาก 31.70 บาท เหลือ 31.60 บาทต่อดอลลาร์ และมีโอกาสแตะ 31.50 บาท ทั้งที่ภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเงินบาทแข็งค่ากว่า 7% เป็นอันดับสองในภูมิภาค รองเพียงไต้หวัน
ภาวะเงินบาทแข็งเกินจริงเช่นนี้ ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกที่เผชิญต้นทุนจากภาษีนำเข้าสหรัฐ 19% อยู่แล้ว แต่ยังบั่นทอนภาคการท่องเที่ยว ซึ่งพยายามฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง นักท่องเที่ยวอาจหันไปเลือกประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนามหรือญี่ปุ่นแทน

สัญญาณผิดปกติจากการส่งออกทองคำ
กกร. ตรวจพบว่าหมวดสินค้าส่งออกไปกัมพูชาที่สูงผิดปกติคืออัญมณีและเครื่องประดับ แต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดกลับพบว่าเป็นทองคำเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่กัมพูชาเป็นประเทศขนาดเล็กและไม่มีศักยภาพรองรับการนำเข้าปริมาณมหาศาลเช่นนี้
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ กกร. ตั้งข้อสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจใต้ดินหรือธุรกรรมที่ไม่โปร่งใส ซึ่งส่งผลต่อค่าเงินไทยอย่างไม่ควรเกิดขึ้น กกร. ยืนยันว่าจะตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจน ก่อนหารือร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไข
สมาคมค้าทองคำโต้ ไม่เชื่อมีการส่งออกจริง
ด้าน นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ แสดงความเห็นว่า ตัวเลขการส่งออกทองคำไปกัมพูชาที่ กกร. อ้างถึงอาจไม่ถูกต้อง เนื่องจากประเทศไทยไม่มีเหมืองทองขนาดใหญ่และต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งออกมากกว่าการนำเข้า
เขายังตั้งข้อสงสัยว่าตัวเลขดังกล่าวมาจากแหล่งข้อมูลใด เพราะธุรกรรมทองคำทุกประเภทต้องผ่านกระบวนการทางการ เช่น กรมศุลกากร ธนาคารพาณิชย์ และอยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดังนั้นจึงจำเป็นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน
จับตาท่าทีภาครัฐ
ทั้ง กกร. และสมาคมค้าทองคำต่างย้ำว่า ต้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการส่งออกทองคำไทยไปกัมพูชา เพื่อป้องกันความเสียหายต่อเสถียรภาพค่าเงินบาทและภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งประเด็นนี้จะเป็นวาระสำคัญในการหารือระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐในช่วงเร็ว ๆ นี้