วิกฤติการเมืองภายในสหรัฐอเมริกากำลังส่งแรงสั่นสะเทือนทั่วโลก หลังสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณได้ทันกำหนด ส่งผลให้รัฐบาลกลาง “ชัทดาวน์” ปิดหน่วยงานและบริการสาธารณะบางส่วนทันที เหตุการณ์นี้ไม่เพียงกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เอง แต่ยังสร้างแรงกดดันต่อประเทศคู่ค้า รวมถึงประเทศไทยที่มีความเชื่อมโยงด้านการส่งออก การลงทุน และค่าเงินอย่างใกล้ชิด

เศรษฐกิจโลกผันผวน ตลาดการเงินไทยจับตาใกล้ชิด

การชัทดาวน์ในสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกขาดความมั่นใจ ส่งผลให้ตลาดหุ้นผันผวน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งอ่อนตัวไม่แน่นอน กระทบต่อเงินบาทที่อาจเผชิญแรงกดดันอ่อนค่า นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติอาจชะลอการลงทุนในตลาดทุนไทยเพื่อรอดูท่าที หากสถานการณ์ยืดเยื้อจะเพิ่มความเสี่ยงต่อเงินทุนไหลออก

สำหรับภาคการส่งออกไทย โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และอาหาร ที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ สูง หากเศรษฐกิจอเมริกาชะลอตัวจากปัญหาชัทดาวน์ จะทำให้คำสั่งซื้อลดลงทันที ขณะที่ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงยิ่งขึ้นในตลาดโลก

อาจกระทบการลงทุนและท่องเที่ยวไทย

นอกจากการค้าการลงทุนแล้ว ภาคการท่องเที่ยวไทยก็อาจได้รับผลกระทบทางอ้อม เนื่องจากชาวอเมริกันเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ อ่อนแรง จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศลดลง ส่งผลต่อรายได้ของไทยในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวสำคัญ

ในด้านการลงทุนโดยตรงจากสหรัฐฯ หากความไม่แน่นอนยังดำเนินต่อไป นักลงทุนอเมริกันอาจชะลอโครงการใหม่ในไทย รวมถึงการขยายธุรกิจ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและบริการ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่สหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญ

ไทยควรเตรียมรับมืออย่างไร?

ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมองว่า ไทยจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมวางมาตรการรองรับความผันผวนของค่าเงิน และเตรียมสนับสนุนผู้ประกอบการส่งออก หากคำสั่งซื้อจากสหรัฐฯ หดตัว ขณะเดียวกันควรเร่งกระจายตลาดการค้าไปยังเอเชียและตะวันออกกลาง เพื่อไม่ให้พึ่งพาสหรัฐฯ มากเกินไป

ภาครัฐยังควรเสริมความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน โดยยืนยันความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิทธิประโยชน์การลงทุน เพื่อดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศไทย แม้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญความไม่แน่นอนจากปัญหาการเมืองสหรัฐฯ ก็ตาม