ลาววุ่นจ่ายเงินเดือนสกุล “กีบ” ธุรกิจไทยเพิ่มค่าครองชีพ พนง.

ธุรกิจไทยใน สปป.ลาว ปรับตัวจ่ายเงินเดือน พนักงานท้องถิ่นเป็น “กีบ” รับประกาศกระทรวงแรงงานลาวที่จะมีผลบังคับใช้ให้จ่ายกีบเป็นเงินเดือนในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ชี้คนลาวรับความเสี่ยง เหตุเงินกีบผันผวนหนัก อ่อนค่ารายวัน จนนายจ้างต้องใช้วิธีปรับขึ้นเงินค่าครองชีพพิเศษช่วยเหลือพนักงานเป็นรายเดือน

กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม สปป.ลาว ได้ออกประกาศให้ บริษัทต่างชาติทั้งหมดที่ประกอบธุรกิจใน สปป.ลาว จะต้องจ่ายเงินเดือนและค่าจ้างพนักงานเป็น “เงินกีบ” ทั้งหมด โดยห้ามจ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศในทุกกรณี มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 โดยผลของการออกประกาศดังกล่าว ได้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการรักษาเสถียรภาพเงินกีบและความต้องการเงินตราต่างประเทศ ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นไปจนถึงความขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ ส่งผลถึงทุนสำรองเงินตราของ สปป.ลาวโดยตรง

แบงก์-ไฟแนนซ์จ่ายกีบอยู่แล้ว

นายประพล พรประภา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันบริษัทที่ดำเนินการใน สปป.ลาวจ่ายเงินเดือนพนักงานเป็นสกุลเงินกีบอยู่แล้ว หลักเกณฑ์ที่ออกมาใหม่จึงไม่ได้มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด ขณะเดียวกันบริษัทก็ได้ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเป็นสกุลเงินกีบ และมีการกู้ยืมเป็นเงินกีบ จึงไม่ค่อยมีผลกระทบในเรื่องของความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนมากนัก แม้ว่าค่าเงินกีบจะปรับลดลงค่อนข้างมาก เพราะมองว่า หากใช้เป็นสกุลเงินบาทหรือดอลลาร์และมีการทำป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) หรือ Forward ค่าเงิน “อาจจะมีต้นทุนที่แพงกว่า” เนื่องจากตลาดประเทศ สปป.ลาวค่อนข้างเล็ก และพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อของบริษัทไม่ได้มีขนาดใหญ่ จึงใช้วิธีการกู้ยืมเป็นสกุลเงินกีบแทน

“เข้าใจว่า ทางการลาวต้องการบริหารค่าเงินกีบของตัวเอง เนื่องจากที่ผ่านมาธุรกรรมส่วนใหญ่จะเป็นสกุลเงินดอลลาร์หรือเงินบาท รวมถึงค่าเงินกีบลดลงค่อนข้างมากและปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ทำให้เงินเฟ้อสูง กระทบต่อราคาสินค้าแพงขึ้น เช่น ราคารถจักรยานยนต์ ปรับขึ้น 30-40% ดังนั้น ทางการ สปป.ลาวจึงต้องการให้ธุรกิจต่างประเทศหันมาใช้เงินกีบมากขึ้น ที่ผ่านมาเรากู้เงินกีบที่นั่นและใช้ที่ลาวเลย ส่วนในแง่การดำเนินธุรกิจ ภาพรวมแม้ว่า สปป.ลาวอาจจะไม่ดี แต่ธุรกิจยังดี ทั้งในแง่ยอดขายและการชำระหนี้ของลูกค้า เพราะคนลาวมีหนี้ครัวเรือนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับไทย บริษัทประคองพอร์ตสินเชื่อให้อยู่ในระดับ 130 ล้านบาท”

ด้านนายธนัท จักรวัฒนา รองกรรมการผู้จัดการ ดูแลธุรกิจต่างประเทศ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL กล่าวว่า การจ่ายค่าจ้างเงินเดือนพนักงานของบริษัทร่วมทุนอย่างบริษัท เอส ที-เมืองไทยประกันภัย (จำนวน พนง. 75 คนเป็นคนไทย 3 คน) จะจ่ายเป็นสกุลเงินกีบมาตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการอยู่แล้ว ไม่ได้จ่ายเป็นสกุลเงินบาทหรือดอลลาร์ ดังนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ได้มีปัญหา ที่ผ่านมาในช่วงเวลาที่ค่าเงินกีบอ่อนค่าแรง เช่น จากระดับ 1 บาทต่อ 300 กีบ แต่ปัจจุบันขยับเป็น 1 บาทต่อ 700 กีบ สมมุติรับค่างจ้างอยู่ 30 ล้านกีบ/เดือน บริษัทอาจจะไม่ได้ปรับเงินค่าจ้างเป็น 70 ล้านกีบ แต่ใช้วิธีขออนุมัตินโยบายจากคณะกรรมการบริษัทในการปรับเพิ่มเงินเดือนให้พนักงาน ทั้งนี้จำนวนเงินเดือนอาจจะเท่าเดิม แต่ปรับในส่วนของการเพิ่มเงินค่าครองชีพพิเศษที่จะช่วยเหลือพนักงานเวลาค่าเงินกีบผันผวน

ส่วนบริษัทไทยและบริษัทต่างชาติหลายแห่งที่ทำธุรกิจในลาว และมีการจ่ายค่าจ้างเป็นสกุลเงินบาทหรือดอลลาร์ จะมีผลกระทบโดยตรงที่จะต้องปรับเปลี่ยนเป็นการจ่ายสกุลเงินกีบ แต่ในข้อกำหนดก็ให้ใช้ค่าเฉลี่ย 3 วันล่วงหน้าก่อนการคำนวณจ่ายค่าจ้างเป็นเงินกีบได้

นางสาวพัทธ์หทัย กุลจันทร์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจอาเซียน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทาง Krungsri Leasing Services Co., Ltd. (KLS) และ Krungsri Non-Deposit Taking Microfinance Institutions (KSM) ที่ประกอบธุรกิจใน สปป.ลาว มีนโยบายจ่ายเงินเดือนและรายได้อื่น ๆ ของพนักงานเป็นสกุลเงินกีบอยู่แล้ว จึงไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจของกรุงศรี ขณะที่นายเจริญลาภ ธรรมาณิชานนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ รับผิดชอบกิจการธนาคารต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มองว่า สปป.ลาวพยายามควบคุมกระแสสกุลเงินดอลลาร์

โดยให้บริษัทต่างประเทศหันมาใช้สกุลเงินท้องถิ่นอย่างเงินกีบให้หมด และทำธุรกรรมผ่านระบบทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะมีบางบริษัทยังคงใช้สกุลเงินตราต่างประเทศ เช่น ดอลลาร์ หรือสกุลเงินอื่น ๆ เป็นต้น “การดำเนินธุรกิจใน สปป.ลาวของธนาคารกรุงเทพ เราระมัดระวังค่อนข้างมาก โดยจะเน้นดูแลลูกค้าเดิมที่มีอยู่ การลงทุนใหม่คงไม่ได้มีเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ธุรกิจที่ยังพอไปได้จะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับท้องถิ่นและต้นทุนท้องถิ่น เพราะหากเป็นธุรกิจที่มีการนำเข้าจะมีต้นทุนที่สูงมาก เพราะมีเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงธุรกิจส่งออกพลังงานไฟฟ้าที่ยังพอเติบโตได้”

นำเข้าน้ำมันเสี่ยงค่าเงิน

นายรชา อุทัยจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านธุรกิจต่างประเทศ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า OR มีการลงทุนใน สปป.ลาวโดย บริษัท พีทีที (ลาว) จำกัด (PTTLAO) การให้จ่ายเงินเดือนพนักงานเป็นเงินกีบ จะมี 2 ประเด็นคือ ถ้าพนักงานท้องถิ่น OR จะจ่ายเป็นเงินกีบอยู่แล้ว เรื่องความผันผวนของค่าเงินกีบเราก็บริหารจัดการอยู่แล้ว

ส่วนพนักงานแบบที่เป็นการยืมตัวบุคคลไปช่วยปฏิบัติงาน (Secondment) ซึ่งจะมีเพียง 4-5 คน ตำแหน่ง Major ใหญ่ ๆ ก็จะมีสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐาน (Basic Benefit) “ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงสำหรับพนักงานท้องถิ่น (การ Apply พนักงานท้องถิ่น) เท่าที่ทราบปัจจุบันได้สลับมาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) เพียงแต่อาจจะมีการเริ่มต้น/ตั้งต้นจากค่าเงินบาทก่อน หรือพูดง่าย ๆ คือ ถ้าเงินบาทพนักงานจะได้เงินคงที่ แต่ถ้าเป็นเงินกีบพนักงานจะได้เงินเพิ่มขึ้น”

แต่ถ้ามองกลับกันในมุมของเรื่องการจ่ายพนักงาน “ตรงนี้เป็นประเด็นส่วนน้อย (Minority)” แต่ถ้าเกิดเป็นมุมที่ OR Suffer ส่วนใหญ่คือ เรื่องของการซื้อวัตถุดิบมากกว่า “น้ำมันเป็นปัญหาที่ต่อเนื่องมาอยู่แล้ว เพราะว่าเราซื้อ เนื่องจากลาวนำเข้าน้ำมันเป็นหลัก ฉะนั้นการนำเข้าน้ำมันส่วนใหญ่อยู่บนพื้นฐานของสกุลเงินแต่ละประเทศที่ซื้อ ซึ่งแน่นอนในแง่ของการขายมันเป็นสกุลเงินท้องถิ่น จึงถือเป็นความเสี่ยงที่มีอยู่แล้วในเรื่องของสกุลเงิน”

มีรายงานข่าวจาก บริษัทเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล เข้ามาว่า ถ้าเป็นพนักงานคนไทยจะจ่ายเงินเดือนเป็น เงินบาท ส่วนพนักงานคนลาว จะจ่ายเงินเดือนเป็นเงินกีบ และมีการกำหนดเงินช่วยเหลือค่าครองชีพเพิ่มเติมนอกเหนือจากเงินเดือนเพื่อให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยนโดยจะพิจารณาทบทวนทุก 3 เดือน

เสี่ยงกีบผันผวน

นางสาวณฐอร มหิทธิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊กบลูเอเจนซี่ลาว จำกัด บริษัทร่วมทุนกับนักธุรกิจใน สปป.ลาว กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทจ่ายเงินเดือนพนักงานเป็นเงินกีบ “ยกเว้น” ชาวต่างชาติที่จ่ายเป็นเงินดอลลาร์ เท่าที่ทราบมีบริษัทที่เป็นแบรนด์เกาหลีที่จ่ายเงินเดือนเป็นดอลลาร์ ส่วนบริษัทลีสซิ่งจากประเทศไทยก็จ่ายเงินเดือนพนักงานเป็นเงินกีบ ซึ่งการจ่ายเงินกีบก็ต้องคำนวณค่าเงินกีบ และตกลงกับพนักงานให้ชัดเจนว่า จะได้ค่าเงินเท่าไหร่ เพราะคนที่ต้องบริหารจัดการเรื่องค่าเงินกีบที่ผันผวนคือ ฝ่ายบัญชีกับฝ่าย HR

อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินเดือนเป็นเงินกีบมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือ ทำให้ค่าเงินมีเสถียรภาพ เศรษฐกิจก็จะดีขึ้น เพราะประชาชนนำเงินกีบมาใช้ในตลาดมากขึ้น แต่ข้อเสียก็มีเช่นกันโดยเฉพาะคนลาวหรือพนักงานจะต้องรับความเสี่ยงกับค่าเงินที่ผันผวน ยกตัวอย่าง เงินเดือน 1 ล้านกีบคิดเป็นเงินไทยประมาณ 10,000 กว่าบาท

หากจ่ายเงินกีบพนักงานก็ต้องรับความเสี่ยงกับค่าเงินที่ผันผวน บางเดือนอาจได้มาก บางเดือนอาจได้น้อย ที่ผ่านมา สปป.ลาวได้รณรงค์ให้คนลาวใช้เงินกีบมานานแล้ว แต่เพิ่งออกมาประกาศอย่างจริงจัง ให้เปลี่ยนหมด “ส่วนการค้าชายแดนนั้น เท่าที่คุยกับกลุ่มลูกค้าในสายคอนซูเมอร์นำเข้าสินค้าจากไทยก็ยังเหนื่อยอยู่ แต่ยังไปได้ ปีนี้อาจลดปริมาณลง ในส่วนผักผลไม้มีการรณรงค์ให้ใช้ของในประเทศ เพราะไม่ได้อยากให้นำเข้า” น.ส.ณฐอรกล่าว

ด้านนายธนพล กองทรัพย์ไพศาล ประธานหอการค้าจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า นโยบายการให้ประชาชนลาวใช้เงินกีบมีมานานแล้ว ที่ผ่านมาตนเองค้าขายกับ สปป.ลาว ก็ใช้เงินกีบ แต่ที่ผ่านมามักมีการพูดถึงเสถียรภาพค่าเงินกีบมาก ซึ่งส่วนหนึ่งมองถึงความสะดวกที่คนไทยไป สปป.ลาว ก็ใช้เงินบาทจับจ่ายและได้เงินทอนเป็นเงินบาท แต่ไม่ได้หมายความว่า “จะไปครอบงำ” สาเหตุก็เพราะนครหลวงเวียงจันทน์อยู่ติดชายแดนไทย-ลาว การข้ามไปมาหาสู่กันสะดวกสบาย คนไทยข้ามไปไม่อยากแลกเงินกีบก็ใช้เงินบาทในการใช้จ่าย ส่วนคนลาวก็ข้ามมาจับจ่ายในไทยก็มีเงินบาทอยู่แล้ว ถือว่าสะดวก ต่อมารัฐบาลก็ให้ใช้เงินกีบทอน เพื่อให้แพร่หลาย

7 เดือนค้าชายแดนไทยได้ดุลลาว

ส่วนตัวเลขการค้าชายแดนและค้าผ่านแดนไทย-ลาวล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2567 มีมูลค่า 66,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.40% โดยไทยส่งออก 32,127 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.44% และนำเข้า 34,846 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ยอดสะสม 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) 2567 มีมูลค่า 484,675 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.86%

โดยไทยส่งออก 264,313 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.64% และนำเข้า 220,362 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.92% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยด่านศุลกากรที่มีการค้าสูงสุดในช่วง 7 เดือนแรกยังเป็นด่านศุลกากร จ.มุกดาหาร ส่งออก 77,724 ล้านบาท นำเข้า 129,502 ล้านบาท, ด่านนครพนม ส่งออก 57,787 ล้านบาท นำเข้า 25,103 ล้านบาท, ด่านหนองคาย ส่งออก 57,343 ล้านบาท นำเข้า 14,891 ล้านบาท และด่านเชียงของ ส่งออก 39,278 ล้านบาท นำเข้า 10,215 ล้านบาท

พิพัฒน์ แย้มผลศึกษา “ขึ้นค่าแรง 400” เล็งธุรกิจไซส์แอล 200 คนขึ้น จ่อคุย สภาพัฒน์-คลัง ก่อนสรุป

สติธร วิเคราะห์ รัฐบาลใหม่ แพทองธาร โจทย์ยากกว่า “ยุคทักษิณ”