สัมภาษณ์
แรงกดดันจากการแข่งขันและการถูกดิสรัปชั่นของเทคโนโลยี ทำให้ประเทศไทยต้องสลัดคราบการเป็นเพียงผู้ผลิต (OEM) ไปสู่เจ้าของเบรนด์ที่มีดีไซน์ และเรื่องของนวัตกรรมเข้ามา ซึ่งนั่นหมายถึง การที่ต้องปรับตัวทั้งองคาพยพกันใหม่ เพื่อจะก้าวไปสู่ “อุตสาหกรรม 4.0” โดยมีเป้าหมายที่ว่าไทยต้องมูฟออนจาก “Low Tech Electronic สู่ High Tech Electronic” ให้ได้ ท่ามกลางกำลังซื้อและเศรษฐกิจที่ยังคงซบเซา “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์ “นายวิบูลย์ รักสาสน์เจริญผล” เลขาธิการ กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ถึงสถานการณ์ในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ต้องเสียตำแหน่งให้กับประเทศอื่นไป
ขาดดุลจากนำเข้า
เราต้องแยกก่อนว่าตัวเครื่องใช้ไฟฟ้ากับอิเล็กทรอนิกส์ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าจากจีนต่างกัน ถ้าดูในเรื่องของเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยอยู่ในตลาดรีเทลแน่นอนว่าได้รับผลกระทบ แต่อิเล็กทรอนิกส์ไม่อยู่ในตลาดรีเทลเลยได้รับผลกระทบน้อย เราไม่อยากเรียกว่าขาดดุล เรามองว่าเริ่มเห็นทั้งมูลค่าการผลิต การส่งออกที่ลดลงมากกว่า เริ่มเห็นมา 4-5 ปีแล้ว บวกกับการค้าไร้พรมแดน
จากตัวเลข 7 เดือน (มกราคม-กรกฎาคม 2567) พบว่า ตัวเลขการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 7,031 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 238,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งมีมูลค่านำเข้าอยู่ที่ 5,035 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 170,000 ล้านบาท
และมีมูลค่าการส่งออก 7 เดือนปี 2567 อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง แอร์ 446 ล้านเหรียญสหรัฐ คอมพิวเตอร์ 204 ล้านเหรียญสหรัฐ อื่น ๆ 243 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ลดลง 4.5% ขณะที่มูลค่าการผลิตทั้งในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 2,037 ล้านเหรียญสหรัฐ ไฟฟ้ากำลัง 1,657 ล้านเหรียญสหรัฐ และอิเล็กทรอนิกส์ 5,962 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะเราเริ่มจะเห็นการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น 1.2% มูลค่า 5,580 ล้านเหรียญสหรัฐ เราเริ่มเห็นสัญญาณการลดลงทั้งมิติของการผลิตและการส่งออกมา 4-5 ปีก่อนหน้านี้แล้ว แต่หากย้อนไปจริง ๆ แล้วได้ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ตั้งแต่ช่วงที่ญี่ปุ่นเริ่มลดกำลังการผลิตลง
แก้ พ.ร.บ.อีคอมเมิร์ซ
เรามีปัญหาปัจจุบันกับเชิงโครงสร้าง ซึ่งปัญหาปัจจุบันเพราะเรามีการค้าไร้พรมแดน เราเกาไม่ถูกที่คัน เราอยากให้ควบคุมด้านศุลกากร กำหนดมาตรฐานสินค้า แต่เราต้องกลับมาเข้าใจกันใหม่ก่อนว่า ตอนนี้เกิดตลาดอีคอมเมิร์ซที่ไม่มีอะไรสามารถไปตรวจจับสินค้าที่ขายบนแพลตฟอร์มได้เลย สิ่งที่กำลังแก้ไขเฉพาะหน้าเพราะสิ่งที่เราต้องแก้ คือ ต้นทางไม่ใช่ปลายทาง นั่นคือต้องปรับปรุงแก้ที่ “พ.ร.บ.อีคอมเมิร์ซ 2544” แม่งานน่าจะเป็นทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งเราก็ควรต้องหาโอกาสเข้าไปหารือกัน เราเสนอว่าควรควบคุมและครอบคลุมในส่วนที่เรียกว่า Transaction Monitoring นอกเหนือไปจากการควบคุม Border เพราะควบคุมไม่ได้อยู่แล้ว เราควรมุ่งเป้าไปที่การควบคุมสินค้าไร้คุณภาพผ่านพรมแดนผ่านทาง Transaction Management นี่คือเรื่องระยะเร่งด่วนที่ต้องทำ เราควรถอดพิมพ์เขียวจากภาคการเงินว่าทำอย่างไรเขาถึงไม่ถูกรุกล้ำจาก Alipay (อาลีเพย์) เพื่อมีใช้ในภาคอุตสาหกรรมแล้วปรับ พ.ร.บ.อีคอมเมิร์ซ ให้สอดคล้องกับวิกฤตปัจจุบัน
ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาด้านโครงสร้าง เราเพิ่งจะหารือกับทางบีโอไอเสร็จ เราปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องเป็นพาร์ตเนอร์กับจีน ในอดีตเราเป็นพาร์ตเนอร์กับญี่ปุ่น เราควรพิจารณาจับคู่กันได้ไม่ใช่ต่อต้านขนาดนั้น จับคู่ยังไงให้เราได้ประโยชน์ เราไม่ได้บอกว่าเราโดนจีนประเทศเดียว เรากำลังพูดถึงประเทศอื่นด้วย ที่ต้องมีกระบวนการเรื่องของภาษีเข้ามาช่วยควบคุม
ส่วนระยะกลางก็ไปควบคุมและกำหนดมาตรฐาน มอก. ให้เป็นภาคบังคับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ความยากคือกระบวนการบังคับใช้ เราจะบังคับสินค้ายังไง เราต้องไปบังคับผ่าน Transaction ที่เกิดขึ้นเช่นกัน
สถานการณ์ตอนนี้อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยังไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าวิกฤต เรียกว่าเป็นความ “กังวล” มากกว่า เพราะเราสูญเสียการเป็นฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าพอสมควรไปแล้ว เราผ่านช่วงวิกฤตมาแล้วตั้งแต่ตอนนั้น เหมือนเอาไม้มาตีคนที่ป่วยอยู่แล้ว แล้วมาโดนรังแกซ้ำอีก แต่ว่าต่อให้เราไม่มีเรื่องนี้ เราก็ต้องทำอะไรสักอย่างตอนนี้ เราต้องเปลี่ยนวิธีการควบคุมให้สอดคล้องกับบริบทอีคอมเมิร์ซในปัจจุบัน ถามว่าโอกาสที่เราจะกลับมาเป็นฐานการผลิตอีกครั้งได้หรือไม่ ตอบได้เลยว่าได้ ทุกอย่างมีโอกาสแค่ยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ ภายใน 1-2 ปี เพราะต้องปรับท่าที การเจรจาอะไรอีกมาก
ไทยเสียฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า
ย้อนกลับไปเมื่อช่วง 20 ปีก่อน ยุค 90 ญี่ปุ่นคือพาร์ตเนอร์สำคัญของไทย เป็นกลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยจำนวนมาก ในระยะต่อมาเมื่อการรุกเข้ามาลงทุนของประเทศจีน และเกาหลีเข้ามาแทน ทำให้แบรนด์ใหญ่ ๆ ของญี่ปุ่นต้องแพ้เกมนี้ให้กับแบรนด์สัญชาติอื่น เพราะการที่ไม่ปรับตัวจำเป็นต้องย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้งคอนซูเมอร์และซัพพลายเต็มตัว ไทยคือคนที่ซวย ทำให้ไทยเริ่มเสียอันดับลง ปัจจัยเรื่องค่าแรงก็เป็นส่วนหนึ่ง และยังถูกซ้ำเติมจากสินค้าจีนที่ทะลักเข้ามา ในที่สุดไทยก็สูญเสียการเป็นฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าไป ภาพเหล่านี้ก็เหมือนที่กำลังเกิดขึ้้นกับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในตอนนี้
จากที่ญี่ปุ่นเป็นเบอร์ต้นในไทย และกำลังจะสูญเสียตลาดให้กับประเทศจีน ในการรุกตลาดเป็นผู้ผลิตและเข้ามาลงทุนในส่วนของยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จีนได้กลายเป็นผู้นำในตลาดของไทย ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยสมการเดียวกันเหมือนกับที่เกิดกับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า หากผู้ผลิตอุตสาหกรรมนี้ยังไม่ปรับตัว และนั่นจึงเป็นเป้าหมายสำคัญอีกอย่างที่ไทยจะต้องปรับตัว และพัฒนาตัวเองควบคู่ไปด้วย
PCB ดึงไทยเข้าสู่ High Tech Electronic
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ก็มีปัญหา แต่ก็พอสู้ไหว นั่นคือปัญหาการยกระดับจาก Normal Electronic ไปสู่ High Tech Electronic ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ด้วยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ซึ่งเทคโนโลยีถูกยกระดับมาตลอดในอดีต ยกทีละขั้น แต่พอ 5-6 ปีที่ผ่านมา เราเจอดิสรัปทีฟ ที่ไม่ยกระดับแบบขั้นบันได 1 ไป 2 ไป 3 แต่ก้าวกระโดดจาก 1 ไป 6 เลย หมายความว่าคนที่ตกเทคโนโลยีก็มาก
ดังนั้นเราก็ต้องรีบเข้าไปอยู่ใน High Tech Electronic ให้ได้มากที่สุด เพราะเราถูกบังคับให้ออกจากโซน Low Tech Electronic สู่ High Tech Electronic แบบก้าวกระโดดไม่ให้เวลาเรา จะวุ่นวายนิด ๆ ภายใน 3 ปีแบบนี้ แต่เราก็พอไหวอยู่ เราให้เห็นภาพอย่าง EV เข้ามา ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ก็เข้ามามีบทบาทมาก นี่คือการยกระดับก้าวกระโดด หรืออย่าง AI ยิ่งมีการใช้มาก Data Center สำหรับ AI ก็ต้องพึ่งพาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มาก ก็จะเกิดตลาดใหม่ขึ้น เราต้องวิ่งให้เร็วเพื่อกระโจนเข้าไป High Tech Electronic ให้เร็วที่สุด
ส่วน PCB จะมีผลอย่างไรกับอุตสาหกรรมนี้ เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า PCB คืออะไร หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าคือวงจรอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด แต่ความจริงแล้ว คือแผ่นพลาสติกสีเขียว ๆ ธรรมดาเท่านั้น ไม่มีอะไรซับซ้อน ซึ่งมีการใช้มานาน ไม่ว่าจะเป็นตอน Low Tech Electronic High Tech Electronic แต่แผ่น PCB นี้แม้จะเป็นแค่แผ่นสีเขียว ๆ ดูไม่มีอะไร แต่สำคัญมาก ถ้าไม่มีก็ไปต่อไม่ได้ เพราะชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น IC เหล็กแผงวงจรรวม ตัวต้านทานต่าง ๆ จะถูกวางบนแผ่น PCB นี้นั่นเอง
ดังนั้น ข่าวการมาของนักลงทุนที่เตรียมจะเข้ามาลงทุน PCB ในไทยถือว่าเป็นข่าวดีมาก ๆ แค่ต้องบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรให้ดีเท่านั้นเอง เพราะเมื่อเรามีตัวหลักของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่เรา เราจะสามารถนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมได้มากขึ้น เช่น โจทย์เราคือจะขยับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เอาไปใช้ในแหล่งพลังงานใหม่ได้ไหม โซลาร์เซลล์ได้ไหม หรือเอาไปตอบโจทย์ในอุตสาหกรรมใดได้บ้าง ทั้งหมดนี้เกิดประโยชน์กับไทยทั้งนั้น PCB จึงจำเป็นและสำคัญ ถ้าไม่มีไม่ได้
ร่างกลยุทธ์ 5 ปีจากผู้ผลิตเป็นคู่ค้า
ส่วนการที่เราจะไปสู่ High Tech Electronic นั้น เราต้องมาดูเรื่องของการดึงการลงทุนชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ควบคู่ไปด้วยเช่นกัน แล้วเราจะดึงใคร ซึ่งเราก็ได้คุยกับทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อช่วยกันร่างกลยุทธ์ว่าเราจะดึงใคร เล่นกับชิ้นส่วนไหนได้บ้าง อย่างที่เรามุ่งไปที่ “เซมิคอนดักเตอร์” ที่เราจะดึงการลงทุนเข้ามาอย่างไร ส่วนไหน เราจะต้องทำตัวเป็นพาร์ตเนอร์ได้ไหม จะขยับจากการเป็นประเทศฐานการผลิตเป็นประเทศคู่ค้าได้อย่างไร เป็นกลยุทธ์ระดับ 5 ปี ในช่วงแรกที่กำลังทำกันอยู่ถึงจะจับจุดถูก เพราะเราจะแบ่งออกเป็น 2 เฟส ส่วน 5 ปีหลัง คือ เฟส 2 ก็จะไปเป็นกลยุทธ์อื่น ๆ ตามมา
เราขอใช้เวลาร่างกลยุทธ์นี้อีก 7-8 เดือนกว่าจะได้ร่างแรก คาดว่าจะเสร็จช่วงปี 2568 เราก็จะประกาศเริ่มต้นเป็นกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ระยะ 10 ปี (2568-2578) อย่าลืมว่าการที่เราจะออกจาก Low Tech Electronic สู่ High Tech Electronic ต้องไปทั้งซัพพลายเชน เมื่ออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โต อนาคต PCB ได้อานิสงส์แน่นอน