อียูเลื่อนบังคับใช้ EUDR ไป 1 ปี ฉุดราคาส่งออกยางดิ่งเกือบ 15 บ./กก. บิ๊กส่งออกยาง “STA-NER” ยืนยันไม่กระทบแผนธุรกิจ ด้าน กยท.เดินหน้ามาตรการรับรองสวนยางตรวจสอบย้อนกลับได้ตามเป้าหมาย 100% ในปี’67

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า หลังจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เตรียมเลื่อนกฎหมายว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า หรือ EUDR (EU Deforestation Regulation) ออกไปอีก 12 เดือน จากเดิมที่จะบังคับใช้ 30 ธันวาคม 2567 ไปเป็นวันที่ 30 ธันวาคม 2568 สำหรับบริษัทหรือผู้ประกอบการขนาดใหญ่ และวันที่ 30 มิถุนายน 2569 สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อทุกประเทศมีเวลาเตรียมพร้อมดำเนินงานได้อย่างราบรื่น

ทั้งนี้ EUDR จะครอบคลุมสินค้า 7 รายการ คือ โกโก้ กาแฟ ถั่วเหลือง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน โค และไม้ รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปของสินค้าเหล่านี้ ซึ่งจากข้อมูลสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ของปี 2567 สินค้ากลุ่มนี้ส่งออกไปอียู มูลค่า 379.47 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 49.94% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมี “ยางพารา” เป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 314.82 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 51.67% (รองลงมาคือ ไม้ 49.06 ล้านเหรียญสหรัฐ ปาล์มน้ำมัน 11.85 ล้านเหรียญสหรัฐ โกโก้ 3.56 ล้านเหรียญสหรัฐ กาแฟ 0.18 ล้านเหรียญสหรัฐ และถั่วเหลือง 0.001 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนสินค้าโคเป็นสินค้าที่ไทยไม่มีการส่งออกไปอียู)

ผลจากการเลื่อนบังคับใช้ EUDR ทำให้ราคายางปรับลดลง โดยข้อมูลจากการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ระบุว่า ล่าสุดราคาน้ำยางสด (7 ต.ค. 67) กก.ละ 79 บาท ลดลง 2.90 บาท จากก่อนประกาศเลื่อน EUDR (2 ต.ค. 67) ที่ราคา กก.ละ 81.90 บาท ขณะที่ราคายางแผ่นรมควัน ก่อนเลื่อน กก.ละ 90.55 บาท หลังเลื่อนลดลง กก.ละ 4.77 บาท เหลือ กก.ละ 85.78 บาท และราคาส่งออกยาง เอฟ.โอ.บี. ก่อนเลื่อน กก.ละ 98.55 บาท หลังเลื่อน กก.ละ 83.67 บาท ลดลง กก.ละ 14.88 บาท

กยท.เดินต่อ

นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2567 กยท.ประชุมหารือร่วมกับผู้แทนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ข้อสรุปว่า ไทยจะผลักดันผลผลิตยางไทยภายใต้มาตรฐาน EUDR ต่อไป หลังจากนี้จะเข้าพูดคุยทำความเข้าใจกับเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท. ในทุกพื้นที่ ในการจัดหาผลผลิตยาง EUDR และดำเนินตามแนวทางการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ EUDR อย่างจริงจัง

ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กยท.ดำเนินมาตรการรองรับ EUDR อย่างเข้มข้น จริงจัง โดยขึ้นทะเบียนพิกัดแปลงแล้ว 85% คิดเป็นแปลงรวม 1.9 ล้านแปลง เป็นจำนวนเกษตรกรชาวสวนยาง 1.4 ล้านราย และจะดำเนินการให้ครบ 100% ในเดือนพฤศจิกายน 2567 พร้อมกันนี้จะประกาศ ราคารับซื้อยาง EUDR ทุกวัน ตามข้อเสนอแนะของเลขาฯสมาคมยางพารา เพื่อให้มีราคาต่อเนื่อง ลดความกังวลผู้ประกอบการเรื่องราคาในการเข้าประมูล และราคาเปิดตลาดของ กยท. ปัจจุบันถือว่าสมเหตุสมผล

เอกชนย้ำ ไม่กระทบ

นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรณี EU เลื่อนการบังคับใช้ EUDR ออกไป 1 ปีนั้น ยังต้องขอรอดูรายละเอียดของ EU ก่อนว่าจะประกาศอย่างไร เพราะถึงแม้เลื่อน ก็ยังมีการเลื่อนหลายแบบ ซึ่งจะมีผลต่อการปรับแผนในลักษณะที่แตกต่างกันไป เช่น เลื่อน 3 เดือน, 6 เดือน หรือ 12 เดือน

ในส่วนของภาพรวมธุรกิจศรีตรังฯปีนี้จะเติบโตตามแผนธุรกิจที่กำหนดไว้ก่อนหน้า โดยปริมาณการขายยางทุกประเภทในปี 2567 รวม 1.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนที่มีปริมาณการขายรวม 1.3 ล้านตัน มีรายได้ 100,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 84,000 ล้านบาท ส่วนปี 2568 จะต้องเตรียมแผนต่อเนื่อง โดยกลุ่มบริษัทศรีตรังยังคงตั้งเป้าการเติบโตในทุกด้าน มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น มิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ตามที่ได้ดำเนินการมาโดยตลอด โดยเฉพาะด้าน Sustainability (FSC, EUDR) และ Carbon Credit ต่าง ๆ เป็นต้น

“ส่วนแนวโน้มราคายางโค้งสุดท้ายของปีนี้ ยังมองว่าที่ผ่านมาราคายางมีการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง จากฝั่ง Demand ของยาง EU และ Non-EU (ลูกค้าจะต้องรีบนำยาง Non-EU ทั้งในรูปแบบวัตถุดิบ และ Finished Goods Product ไปไว้ที่ยุโรป ก่อนที่กฎ EUDR จะเริ่ม) แต่ถ้า EUDR เลื่อน Demand ตรงนี้ก็จะหายไป แต่ด้าน Supply ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากปีนี้เป็นลานีญา ที่ผ่านมามีน้ำท่วมหลายจุดแต่ยังไม่กระทบมากนัก เพราะยังไม่ใช่ฤดูยาง แต่ถ้าฤดูยางแล้วยังมีฝนตกเยอะจนท่วม หรือไปลดวันกรีด อันนี้ก็จะมีผลทำให้ Supply อาจจะลดลง แต่ปีนี้ต้นยางอุดมสมบูรณ์มาก รวมถึงราคายางที่อยู่ในระดับสูง และชาวสวนยางดูแลต้นยางดีมาก มีการใส่ปุ๋ยครบหมด”

ทั้งนี้ STA นับได้ว่าเป็นเอกชนที่มีการตื่นตัวดำเนินการผลิตตาม EUDR ได้ และเริ่มจัดส่งออร์เดอร์เชิงพาณิชย์แก่ลูกค้าไปตั้งแต่ในเดือนพฤษภาคม 2567 ถือเป็นรายแรกที่ขายยาง EUDR เชิงพาณิชย์ หลังจากที่ร่วมกับเกษตรกรชาวสวนยางและผู้ค้ายางจัดทำโครงการยางมีพิกัด (GPS) เพื่อเตรียมความพร้อมล่วงหน้าด้านการจัดเก็บและตรวจสอบข้อมูลพิกัดพื้นที่ปลูกยางพาราผ่านแอปพลิเคชั่น Sri Trang Friends (แอปศรีตรังเพื่อนชาวสวน)

ด้าน นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ช่วงแรกของการประกาศเลื่อน EUDR น่าจะส่งผลให้ราคายางในตลาดมีการปรับลงบ้าง แต่ไม่น่าจะแรงมาก เพราะปีนี้ภาวะซัพพลายสินค้าค่อนข้างน้อย แต่ภาพการส่งออกยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น หากเทียบกับสงครามอิสราเอลที่เอกชนกลัว คือ เส้นทางเดินเรือจะมีกระทบเรื่องเดียว ถ้ามีการปิดเส้นทางรวมถึงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน โดยบริษัทยังคงภาพธุรกิจขยายตัวตามเป้าหมายเดิม 10% จากยอดเดิมของปี 2566 มูลค่า 28,000 ล้านบาท ในปี 2567 ซึ่งเป็นการคำนวณจากราคายางที่ กก.ละ 53-54 บาทตามเดิม

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติธุรกิจ