ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังตลาดยังคงกังวลต่อการตอบโต้ของอิสราเอล
วันที่ 11 ตุลาคม 2567 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังตลาดยังคงกังวลต่อการตอบโต้ของอิสราเอล หลังจาก รมว. กลาโหมของอิสราเอล ส่งสัญญาณว่าการตอบโต้ต่ออิหร่านจะมีความแม่นยำ ร้ายแรงและเกิดขึ้นอย่างที่อิหร่านไม่ทันตั้งตัว
อย่างไรก็ตาม ชาติในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบ (OPEC) และเป็นพันธมิตรหลักที่สำคัญของสหรัฐในภูมิภาค อันได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย ยูเออี และกาตาร์ เรียกร้องให้สหรัฐโน้มน้าวอิสราเอลเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการตอบโต้ไปยังโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของอิหร่าน
โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 10 ต.ค. 2567 อยู่ที่ 75.85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +2.61 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบเบรนต์อยู่ที่ 79.40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +2.82 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ เดือน ก.ย. 67 อยู่ที่ระดับ 2.4% สูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 2.3% เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.3% สูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 3.2% นอกจากนี้จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 0.25 ล้านคน สูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 0.23 ล้านคน อย่างไรก็ดี ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่แย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์เล็กน้อยเป็นการเน้นย้ำว่าธนาคารกลางสหรัฐจะดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ในการประชุมช่วงเดือน พ.ย. 67
อุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐมีแนวโน้มปรับลดลงในช่วงสั้น จากผลกระทบของพายุเฮอริเคนมิลตัน ซึ่งถือเป็นพายุเฮอริเคนระดับ 3 และถือเป็นพายุที่มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบกว่าศตวรรษ ได้ขึ้นฝั่งบริเวณรัฐฟลอริดา
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังโรงกลั่นหลายแห่งภูมิภาค อาทิ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ยังคงไม่กลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังการปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินของสหรัฐในรัฐฟลอริดาได้รับผลกระทบจากขึ้นฝั่งของพายุเฮอริเคนมิลตัน
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดคาดตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอในภาคอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างของประเทศในพื้นที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกจะยังคงกดดันตลาด

ข้อมูล/ภาพ : ประชาชาติธุรกิจ