แม้ในใจนายกฯ ผู้ลูก แพทองธาร ชินวัตร จะไม่อยากปรับครม. ให้เกิดแรงกระเพื่อมภายในรัฐบาล
ซึ่งหนีไม่พ้นที่จะต้องกระทบชิ่งไปถึงพรรคร่วมรัฐบาล
แต่อดีตนายกฯ ผู้พ่อ ทักษิณ ชินวัตร ประเมินสถานการณ์แล้ว
ขืนปล่อยสถานการณ์ไหลไปอย่างนี้ โดยใช้คณะรัฐมนตรีชุดนี้บริหารงานต่อไป มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง
สแกนกันรายตัว นับหัวดูได้ ประเภทคุณภาพคับแก้ว ทำงานเหมาะสมกับตำแหน่ง แลไปทางไหนไม่เห็นจะมีซักคน
ผลงานภาพรวมชาวบ้านร้านตลาดมองเห็นด้วย “เนื้อตา” ไม่มีกระทรวงไหนจับต้องได้เป็นรูปธรรม
พวกหนึ่งก็ บรรดารัฐมนตรีเก๋าเกม ก๊วนพรรคร่วมรัฐบาล บริหารงานไป (ตามรูทีน) สวาปามตามน้ำไป
บางกระทรวงที่มาตามโควต้า ก๊ก-ก๊วน ของแต่ละพรรค ก็โชว์ผลงานโบว์ดำ เป็นรัฐมนตรีที่โลกไม่จำไปซะงั้น
กระทรวงศึกษาฯ, กระทรวงแรงงาน, กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม,
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กระทรวงพลังงาน ฯลฯ ทำงานหายใจทิ้งไปวันๆ
ขณะที่รัฐมนตรีของพรรคแกนนำรัฐบาล เพื่อไทย ไล่แต่หัวจนถึงหาง
ยังไม่มีใครโชว์ผลงานเข้าตาประชาชน ได้จังๆ ซักคน
โดยเฉพาะทีมครม.เศรษฐกิจ ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล
มีหน้าที่ปั่นผลงานตุนแต้มไว้สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็ไม่มีอะไรเป็นโล้เป็นพาย
กระทรวงการคลัง, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงกีฬาและการท่องเที่ยว,
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กระทรวงการต่างประเทศ ฯ แทบจะลืมเอาวิญญาณมาสิงร่างขับเคลื่อนงาน
ส่วนพวกที่เหลือไม่ใช่ว่าจะมีผลงานดีเด่อะไร
แต่เป็นพวกความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ ไหลไปตามน้ำ
ภาพพรรคร่วมที่ขัดแข้งขัดขากันเอง
ระหว่างพรรคเบอร์ 1 เพื่อไทย กับเบอร์ 2 ภูมิใจไทย ยิ่งทำให้การเดินงานขัดลำกล้อง
มีจังหวะเสียบเป็นเสียบ ล่อกันทุกเม็ดทุกดอก
ทำให้การบริหารอำนาจในช่วง 2 ปี นับตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร
ไม่สามารถผลักดันนโยบายเรือธงให้สัมฤทธิ์ผลได้
ทั้งแลนด์บริดจ์ แจกเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเลต การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
มาจนถึงการผลักดัน ร่างฯ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
ล้วนโดนเพื่อนกินเพื่อนกัน แท็กทีมกับเครือข่ายก๊วนอนุรักษ์ เตะสกัดจนไปกันไม่เป็น
ยิ่งมาเจอสถานการณ์วิกฤติรุมล้อม เศรษฐกิจที่ดิ่งลงเหว
ระยะเวลาที่เหลืออีกราวๆ 2 ปี ทักษิณ จึงต้องเร่งไขลานรัฐบาลเพื่อไทย
กอบกู้ศรัทธากลับคืนมาให้ได้
ช่วงหลังๆ จะได้เห็น ทักษิณ เริ่มเดินสายร่วมวงเจรจาหลายวง
ทั้งเดินเปิดเผยและมุดใต้ดิน หารือกันหน้าดำคร่ำเครียดกับทีมยุทธศาสตร์
ทั้งที่ “ตึกชินวัตร” – “บ้านพิษณุโลก” รวมไปถึงเซฟเฮ้าส์ใหม่ “โรสวูด”
หวังจะรีสตาร์ทแผนใหม่ ในเมื่อมองเห็นแล้วว่านโยบายเรือธง
ดิจิทัลวอลเล็ต – แลนด์บริดจ์ – เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไปต่อได้ยาก
ก็ต้องพลิกแพลงกลยุทธ์ ระดมไอเดียจากทีมยุทธศาสตร์
ปัดฝุ่นโมเดลเก่ามาเล่าใหม่ อย่าง นโยบายซื้อหนี้ประชาชน มาบริหารจัดการ
การแก้หนี้ภาคการเกษตร เพื่อลดปริมาณหนี้ครัวเรือน
เพิ่มปริมาณกำลังซื้อ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจให้กระเตื้อง
ที่สำคัญปรับ ครม.รอบนี้ จะมีการสังคายนาทีมเศรษฐกิจกันใหม่ ให้ไฉไลกว่าเดิม
ถึงขั้นลงทุนเดินสายจีบระดับ “บิ๊กเนม” ด้วยตัวเอง
ต้องยอมเจ็บสลายโควต้าบ้านใหญ่ บ้านเล็ก กลุ่มก๊วนอิทธิพลลงชั่วคราว
เพราะ ทักษิณ เหลือไพ่ในมืออยู่ไม่กี่ใบ ที่จะให้ตีแล้ว
รอบนี้จึงต้องเทหมดหน้าตัก
เดิมพันอำนาจว่าจะมี “ชินวัตร” อยู่บนกระดานอีกหรือไม่

กระดูกเหล็ก