ที่ “หนุ่มปอ” ปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร โพสต์ลง ig
ประกอบภาพนายกฯอิ๊งค์ที่นอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล
ภายหลังกลับจากภารกิจการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ
เป็นความตั้งใจที่สามีต้องการสื่อสารกับคนไทย
ว่าที่ผ่านมา นายกฯแพทองธาร ทุ่มเททำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ
จนร่างกายรับสภาพไม่ไหว
ต้องเข้าแอดมิทที่ ห้องซุปเปอร์วีไอพี โรงพยาบาลพระราม 9 ในเครือชินวัตร
ท่ามกลาง กระแสลมการเมืองที่แปรปรวนหนัก ในตอนนี้
กับอาการป่วยของ ผู้นำนายหญิงน้อย ที่ถึงกับต้องแอดมิท
ทำให้เห็นว่า สถานการณ์ที่ต้องเผชิญอยู่ขณะนี้ สาหัสสากรรจ์เอาเรื่อง
กับเครื่องหมายคำถาม
อำนาจการบริหารประเทศ..? กับสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ
ทั้งเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง
การฟื้นฟูเศรษฐกิจ
การสร้างความมั่นใจแก่ชาวต่างชาติ
ทั้งกลุ่มนักลงทุน และกลุ่มนักท่องเที่ยว หลังเหตุแผ่นดินไหว
นายกฯอิ๊งค์ คือตัวจริงหรือไม่ และจะเอาสถานการณ์อยู่หรือเปล่า
ผนวกรวมกับ อาการขบเกลียวกันภายในพรรคร่วมรัฐบาล
การงัดข้อกันของ เพื่อไทย – ภูมิใจไทย
เบอร์ 1 เบอร์ 2 ของพรรคร่วมรัฐบาล
ยิ่งนานวัน รอยแตกแยกยิ่งขยายวง
แม้ นายกฯแพทองธาร จะอมพระมาพูด
ก็คงไม่มีใครเชื่อ ว่าความสัมพันธ์ในพรรคร่วมยังหวานชื่น
เลยมีการปล่อยข่าวออกมาเป็นระยะเรื่องการปรับครม.
กับสูตรหักดิบ เขี่ยภูมิใจไทยออกจากสมการอำนาจรัฐบาลเพื่อไทย
ที่คนภายนอกอาจมองว่า
บดบี้ขบเกลียวกันขนาดนี้ไม่น่าจะอยู่ร่วมโลกกันได้แล้ว
แต่..แต่..
นักการเมืองคือมนุษย์พันธ์ุพิเศษ
เรื่องแค่นี้ถ้าสถานการณ์ยังไม่สุกงอมพอ
ก็ไม่มีใครออกมาประกาศแตกหักแน่
ไล่ดูไทม์ไลน์ ปฏิทินรัฐบาลยังเหลือเวลาอีกราวๆ 2 ปี
ยังพอ ถูลู่ถูกังไปกันต่อได้
หลักใหญ่ใจความคือ การปรับครม.รอบนี้
ต้องทำให้เห็นว่า ไม่ให้ขี่คอกันง่ายๆแบบที่ผ่านมา
ยอมก็มาเจรจา ไม่ยอมก็รอไปแตกหักกันวันข้างหน้า
ก่อนยุบสภาเลือกตั้งใหม่
แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้แน่
เพราะยังมีกฎหมายสำคัญที่จะต้องเข็นผ่านสภาอีกหลายฉบับ
ที่แน่ๆ ก็ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569
ที่รอคิวเข้าพิจารณาในช่วงเปิดสมัยประชุมวิสามัญอีกไม่กี่วันนี้
ยังมี ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน ที่รัฐบาลจะต้องกู้
เพื่อนำมาสู้กับ วิกฤติภาษีทรัมป์
โน่นแหละ.. ดีไม่ดี
อาจต้องไปว่ากัน หลังร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2570 ผ่านไปแล้ว
คือหลังช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค. 2569
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้ว
แต่ เกมอำนาจที่ต้องจับตา ก็คือ
การเล่นงัดข้อกันของพรรคเบอร์ 1 เบอร์ 2
เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ถูกปิดประตูลงกลอนไปเรียบร้อย
แก้รัฐธรรมนูญ – นิรโทษกรรม โดนลั่นดาลไปต่อไม่ได้
ยิ่ง ภูมิใจไทยเป่ามนต์ขแมร์
สั่งซ้ายหันขวาหันก๊วน สว.สีน้ำเงิน
ก็ยิ่งสร้างแต้มต่ออวดอ้างบารมี
ชิงตั๋วอำนาจพิเศษมาถือไว้ในมือ
เริ่มใช้อิทธิฤทธิ์อิทธิเดช จน งานฝ่ายนิติบัญญัติปั่นป่วน
มันก็เลยต้องเริ่ม กำจัดจุดแข็ง!
ถึงแม้ สว.สีน้ำเงิน จะเบาใจไปเปราะหนึ่ง
ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ตีตกคำร้องคดี ฮั้วเลือกสว.
ไม่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา
อ้างว่าพิจารณาแล้วไม่เข้าเงื่อนไขที่จะส่งได้
ไปส่องดูชื่อ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน แล้วถึงกับร้อง
หืมมมม.. สมศักดิ์ สุวรรณสุจริต คนใต้ชายคาเขากระโดง
อีกชนักที่ยังปักคาหลัง
คือคดีที่คั่งค้างอยู่ใน ดีเอสไอ
ก่อนหน้านี้ บอร์ดคดีพิเศษ รับเรื่อง การฟอกเงิน เป็นคดีพิเศษไปแล้ว
ล่าสุดเพิ่งจะรับคดี อั้งยี่ซ่องโจร
ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงินในการเลือกสว.
เป็นคดีพิเศษไปอีกคดี
ดีเอสไอ ยังคงเดินหน้าสอบสวนเก็บรวบรวมพยานหลักฐานกันเต็มที่
ยังงัยก็ต้อง ทอนกำลัง และ ความร้อนแรงของก๊วนสีน้ำเงิน ลงให้ได้
ขืนปล่อยไปอนาคตข้างหน้า
มีหวังกินรวบองค์กรอิสระไปพรรคเดียว
จากมือฝักถั่วของสายสีน้ำเงิน
เป็นช่วงจังหวะพอดีกับ กระแสการปรับ ครม.
ถึง “นายใหญ่” ยังไม่เปิดศึกแตกหักกับ “จารย์ใหญ่เน”
แต่การเล่นเกมชักเย่อ สอย สว.สีน้ำเงิน ฟาดใส่ค่ายเซราะกราวแบบนี้
ก็หวังต้องการเขย่าอำนาจให้ลงตัวขึ้น
การต่อรองสลายโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี ต้องมีแน่
แม้จะไม่สำเร็จทั้งหมด แต่ก็ต้องมีการยึดคืนบางตำแหน่ง
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ขึ้นอยู่กับคนสองคน คือ
“นายใหญ่ – จารย์ใหญ่”
ถ้ายังเจรจาผลประโยชน์กันได้
รัฐบาลที่มีภูมิใจไทยเป็นส่วนร่วม ก็ยังได้ไปต่อ
แต่ถ้ายังคุยกันคนละภาษา
เอาแต่แทงหลังกันอย่างนี้ ก็ทางใครทางมัน

กระดูกเหล็ก