สงครามการค้าแต่ละครั้งตามประวัติศาสตร์โลกใบนี้
ย่อมเกิดการค้าโฉมใหม่ขึ้นมา
ตั้งแต่ สงครามฝิ่นระหว่างอังกฤษกับจีน
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับญี่ปุ่น
โดยเฉพาะญี่ปุ่นกับสหรัฐเกิดปรากฏการณ์
กดดันปรับเปลี่ยนโครงสร้างการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศกันเลยทีเดียว

ครั้งนี้ สงครามการค้าเพิ่งเริ่มต้น
แต่ ประชาชนทุกประเทศกำลังพังพินาศถ้วนหน้า
ไม่เว้นชาวอเมริกันในสหรัฐ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย
“พายุสงครามการค้า…เกิดขึ้นแน่นอน”
“ผู้ว่านก” นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าแบงก์ชาติ
เตือนทุกฝ่ายให้ทำงานสามัคคีรับมือพายุลูกใหญ่

และฝ่ายค้าน โดยพรรคประชาชน
ชิงจังหวะในวันประชุมใหญ่สมัยสามัญ
ตีแสกหน้ารัฐบาลเพื่อไทยไร้ฝีมือกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจ
ขออาสาเข้าไปแก้ในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไป

วันนี้รัฐบาลต้อง หยุดทำตัวเป็น “จุดศูนย์กลางของวิกฤติ”
ถึงเวลาตรึกตรองวางอนาคต
กล้าทำให้สังคมได้ลุ้น “รุ่งอรุณแห่งความหวัง”

โดย “นายกฯอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
ต้อง คลี่ไส้ใน “ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุล และพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ”
ซึ่งมีอยู่หลายแผนงาน

อาทิ
แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาบริการประชาชนและการพัฒนาประสิทธิภาพรัฐ
แผนงานบูรณาการรัฐบาลดิจิทัล
ทุ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปี 68 จำนวนมหาศาลตามยุทธศาสตร์ด้านนี้

ปักธงให้ภาครัฐมีขนาดเล็กลง
นำนวัตกรรมเทคโนโลยี มีข้อมูลขนาดใหญ่ ระบบการทำงานที่เป็นดิจิทัล
เข้ามาประยุกต์ใช้ปฏิบัติงานเทียบเท่ามาตรฐานสากล

พูดง่าย ๆ ต้องการ
ยกระดับบริการภาครัฐในรูปแบบดิจิทัลแบบเบ็ดเสร็จ ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง

แต่กลายเป็น ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
เพราะนับตั้งแต่วันที่รับสมัคร ส.ว. วันแรก 20 พ.ค. 67
มีคนสมัครไม่ถึง 5,000 คน
เกิดปัญหาระบบล่มไม่เป็นท่า
ปัญหานี้ชี้ให้เห็นว่ายุทธศาสตร์ด้านนี้ล้มเหลว

อีกตัวอย่างหนึ่ง
คือ รัฐบาลแจกดิจิทัลรอบแรกไม่ตรงปก
จนถึงขณะนี้ที่เตรียมแจก เงินดิจิทัลเฟส 3
ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต วงเงิน 1 หมื่นบาท
ให้คนตั้งแต่อายุ 16-20 ปี ประมาณ 2.7 ล้านคน

วงในรู้กันดีว่าระบบกำลังพัฒนา
เชื่อมต่อระหว่างกลุ่มเพย์เมนต์แพลตฟอร์มกับสถาบันการเงินอื่นไม่ได้
เอาเฉพาะเรื่องนี้ รัฐบาลทำไมกล้าเปิดประกวดให้บรรดาสตาร์ทอัพเข้ามาแข่งขัน
รัฐบาลเพียงเป็นกรรมการ กำหนดทีโออาร์ให้ชัดเจน

เช่น

• แพลตฟอร์มดิจิทัลวอลเล็ตปลอดภัย
• จดบันทึกธุรกรรมและบัญชีไปพร้อมกัน
• ระบบหลังบ้านไม่สามารถแก้ไขได้หลังเปิดใช้งานในระบบแล้ว
• สามารถให้บริการเรียลไทม์ โอนเงินชนิดเสี้ยววินาที
• รองรับการโอนได้พร้อมกันอย่างน้อย 70 ล้านคน

โจทย์ง่ายแค่นี้ยังพื้นฐานสำหรับสตาร์ทอัพสายพันธุ์ไทย
เพราะมันเป็นแค่แพลตฟอร์มธรรมดา
คนในยุทธจักรสายนวัตกรรมล้วนทำได้
แต่ที่ยังไม่มีใครในโลกทำได้คือ
“ระบบการเงินใหม่”

ล่าสุดกลุ่ม BRICS แย้มไพ่ให้เห็นว่าจะทำ
ควบคู่สร้างระบบตะกร้าเงินใหม่
จีนพยายามเปิดเกม “หยวนดิจิทัล”
สหรัฐฯ ถอยฉากดอลลาร์ดิจิทัล หลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” มาเขย่าโลก

แต่ทั้งหมดยังไม่ใช่ “ระบบการเงินใหม่” ของโลก
โดยต้องมาควบคู่กับ
“โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล” ที่ถูกออกแบบภายใต้หลักคิด “รัฐกิจ”

โลกคือรัฐกิจหนึ่ง ประเทศไทยคือรัฐกิจหนึ่ง
เครื่องมือนี้คือเปลวไฟแห่งการฟื้นประเทศไทย

หากไทยเป็นประเทศแรก
วางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เปิดระบบการเงินใหม่
ลองนึกวาดภาพดู…จะเกิดอะไรขึ้นในโลกใบนี้

ขอยกยอดต่อในสัปดาห์หน้า ถึงนวัตกรรมเปลี่ยนโฉมหน้าโลกตอนจบ

-ม้าสีหมอก-