เถ้าแก่ใหญ่สั่งถอยโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท เฟส 3 แก่เยาวชน นักศึกษาอายุ 16-20 ปี 2.7 ล้านคน วงเงิน 2.7 หมื่นล้านบาท สปอร์ตไลท์จับการประชุม ครม. 6 พ.ค. 68 ทันที สุดท้าย “นายกอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ดับกระแสข่าว นโยบายเรือธงยังไม่เข้า ครม. แทงกั๊กรอฟังข้อมูลรอบด้านก่อนฟันธงเดินต่อหรือพอแค่นี้
ดูภาพรวมรัฐบาลเดินตามเกมเถ้าแก่ใหญ่ ยิ่งถอดรหัสคำพูดของนายกฯ “เงินก้อนนี้สามารถทำอะไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดของคนทั้งประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ” เท่ากับเฟส 3 ถูกปิดฉาก เพื่อเก็บเบี้ยใต้ถุนร้านรับมือพายุเศรษฐกิจจากแพงภาษีสหรัฐอเมริกา
ย้อนกลับไปที่นายกฯ กลับมาจ้อหน้าจอผ่านรายการ “โอกาสไทยกับนายกฯ” ตอนพิเศษ “สร้างโอกาสในวิกฤติ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักลงทุน” การสื่อสารทางการเมืองครั้งนี้แค่เห็นความเคลื่อนไหวของรัฐบาล
ปราศจากยุทธศาสตร์รับมือซุปเปอร์วิกฤติเศรษฐกิจที่รุมเร้า จับทิศทางลมอีก 2 ปีกว่าที่เหลือของรัฐบาล ปิดประตูสร้างผลงานชิ้นโบว์แดง เหลือแค่ความกล้าหาญของผู้นำที่ต้องกล้าสร้างโอกาสในวิกฤติ
โดยยกระดับประเทศไทยก้าวกระโดดให้เป็นประเทศแห่งนวัตกรรม ประเดิมสร้าง “ระบบการเงินใหม่ของโลก” ผ่านการ “ปฏิวัติโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล” ใช้ “บล็อกเชนสาธารณะ” ที่เป็นระบบเปิด ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
ซึ่งอย่างน้อยต้องมีองค์ประกอบสามเลเยอร์วางทับเชื่อมร้อย จุดแข็งสามารถ “จดบันทึกธุรกรรม-บัญชี” เรียลไทม์ ระบบหลังบ้านแก้ไขไม่ได้
และต้องทำควบคู่กับซอฟต์แวร์สายพันธุ์ใหม่ “อินเทอร์เน็ต ออฟ แอสเซท” เปรียบเหมือนไฟฟ้ากระแสสลับ ยกระดับจาก “อินเทอร์เน็ต ออฟ อินฟอร์เมชัน” ที่ใช้อยู่ปัจจุบันที่ถูกเปรียบเหมือนไฟฟ้ากระแสตรง
นั้นหมายความเป็นการปฏิวัติวงการอินเทอร์เน็ตที่ใช้มายาวนาน สามารถรับรองทำธุรกรรมดิจิทัลได้ไร้ลิมิต
ทั้งหมดรัฐต้องลงทุนและเปิดให้ทุกระบบเชื่อมต่อได้ เปิดการเปิดประตูก้าวเข้าสู่ประเทศแห่งนวัตกรรมเต็มตัว
คล้ายรัฐสร้างถนนให้รถวิ่งไปมา สร้างระบบไฟฟ้า สร้างระบบประปา ทั้งหมดเป็นโครงสร้างพื้นฐานให้ประชาชนเข้ามาเสียบปลั๊กใช้ได้ เทคโนโลยีตัวนี้ออกแบบดี ยังเปิดให้พลเมืองทั่วโลกเข้ามาเสียบปลั๊กใช้ได้ด้วย
ขอให้เข้าใจว่าโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลไม่ใช่ “แอปพลิเคชันทางรัฐ” หรือแอปพลิเคชันต่างๆ ที่รัฐหรือภาคเอกชนสร้างกันขึ้น
ดังนั้นรัฐบาลอิ๊งค์ต้องกล้าเปิดการแข่งขันแบบโอเพ่น ให้ผู้สนใจทั่วโลกที่ผ่านแนวคิดทางเทคนิคว่าระบบนี้ทำงาน โดยสร้างชิ้นงานขึ้นมีลักษณะตามทีโออาร์ตามที่รัฐบาลกำหนด (Prototype) พร้อมเปิดพิสูจน์ระบบสามารถทำงานได้จริงในแซนด์บ็อก
เดิมรัฐบาลประกาศทำดิจิทัลวอลเล็ตแจก 50 ล้านคน บรรดาสตาร์ทอัพสายพันธุ์ใหม่ดีปีกประเทศไทยมีโอกาสสูงโตแบบก้าวกระโดด โดยรัฐบาลและแบงก์ชาติเปิดให้เดินหน้าทำแบบนี้ แจกเงิน 5 แสนล้านบาทในรูปแบบดิจิทัลวอลเล็ตหรือดิจิทัลบาท ทดสอบทำแซนด์บ็อก 50 ล้านคนไปในคราวเดียวกัน
สตาร์ทอัพสายพันธุ์ใหม่เชื่อมั่นว่า จีนที่มีเงินหยวนดิจิทัล ระบบ SWIFT หรือระบบการชำระเงินทางเลือก CIPS ของจีน หรือ SPFS ของรัสเซีย ต้องเหลียวหลังมองประเทศไทยที่มีนวัตกรรมล้ำยุค
ระบบการเงินใหม่ของโลกยังเปิดบริการให้แลกเปลี่ยนเงินทุกสกุล คริปโตเคอเรนซี ธุรกรรมดิจิทัลแบบไร้รอยต่อ ปลอดภัย
รัฐบาลอย่าคิดไปทำแซนด์บ็อกแค่เกาะภูเก็ตใช้โทเคนแลกเปลี่ยนซื้อสิ่งของได้ มันง่ายไป หรือที่แบงก์ชาติอนุญาตให้เปิดธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา แต่ยังทำอยู่บนระบบการเงินเก่า เพราะคนในวงการคิดอยู่ในกรอบเห็นว่าระบบปัจจุบันทันสมัยที่สุด แต่วันนี้มีระบบการเงินที่ล้ำยุคกว่านั้นมาก
อี-กอปเวอร์เม้นท์เป็นอีกโจทย์ใหญ่ที่ทุกรัฐบาลผลักดัน แต่ไปไม่ถึงไหน นวัตกรรมชุดนี้ตอบโจทย์ดังกล่าวได้ รัฐบาลปฏิรูประบบราชการโดยใช้นวัตกรรมชุดนี้นำก่อนโดยไม่กระทบต่อระบบล้าหลังที่ทำกันอยู่ ระบบเก่าที่ใช้อยู่แค่เปิดรับสมัคร ส.ว. วันแรก ระบบของกระทรวงมหาดไทยล่ม โดยถลุงงบประมาณแผ่นดินในด้านนี้ทุกปี ไม่คุ้มค่าเม็ดเงินที่เป็นภาษีของประชาชน
รวมถึงสามารถส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปเปิดแอปฟู้ดดิลิเวอร์รีสายพันธุ์ไทยเสียบปลั๊กเข้าโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ท้าทายแข่งขันกับ “ไลน์แมน-แกร็บฟู้ด-ช้อปปี้ฟู้ด” ได้เลย โดยไม่ต้องลงทุน แค่เสียค่าบริการที่ถูกมาก
สมมติประชาชนเปิดแอปฟู้ดดิลิเวอร์รีมีรายได้เกิน 1 แสนบาทต่อเดือน ต้องเสียค่าบริการระบบบ้าง ดีกว่าแอปสายพันธุ์ต่างชาติที่ขูดรีดเอาเปรียบไรเดอร์ที่เป็นคนไทย
นวัตกรรมชุดนี้จำเป็นในยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน สามารถทำให้โลกจริงเชื่อมต่อโลกดิจิทัลได้แบบไร้รอยต่อ โดยไม่ใช้บริการคนกลางเข้ามาเชื่อมสองโลก ซึ่งทำให้ช้าเป็นเต่า ไร้ประสิทธิภาพ และไม่ปลอดภัย
รัฐบาลอิ๊งค์กล้าเล่นเกมนี้ ถึงมีโอกาสสูงได้โชว์ผลงานชิ้นโบว์แดง สมกับพรรคที่คิดใหญ่ทำเป็น ไม่เช่นนั้นบ้านจันทร์สองหล้าศรัทธาทรุด พรรคเพื่อไทยรอวันสูญพันธุ์ แพ้การเลือกตั้งใหญ่ปี 2570 ชัวร์
