#ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด
ที่เพจเฟซบุ๊กกองทัพบก Royal Thai Army โพสต์เชิญชวนชาวไทย ติดแฮชแทกร่วมเป็นขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องทหาร ที่อยู่แนวหน้า (แนวรบด้านชายแดนติดกับเขมร) ในการปกป้องอธิปไตยผืนแผ่นดินไทย
อาจจะช่วยสร้างความฮึกเหิม มากกว่าแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ของรัฐบาล หลังนายกฯอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร เรียกทีมงานกระทรวงการต่างประเทศ นำโดย มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.กต. และปลัดกต. มาประชุมด่วนที่ทำเนียบรัฐบาล
เอาแต่ตอกย้ำว่าจะใช้กลไกสันติวิธี เจรจาทวิภาคี ด้วยชุดคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC), คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC), และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) บนพื้นฐานความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-กัมพูชา
พร้อมกับย้ำว่า ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลโลก (ICJ) มาตั้งแต่ปี 2503 จนถึงปัจจุบัน
บ่งชี้ให้เห็นว่า นอกจากจะเดินเกมช้าเป็นเต่าคลานแล้ว ยังหน่อมแน้มโคตรๆ ไล่ไม่ทันเล่ห์เขมร 2 พ่อลูก ตระกูลฮุน
สถานการณ์เกิดมาเป็นสัปดาห์ เพิ่งจะมาตั้งทีมรับมือ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม เบอร์ 1 ด้านความมั่นคงของรัฐบาล เพิ่งจะขยับบินลงไปดูพื้นที่ และเจรจาพูดคุยกับ เตีย เซรยฮา รองนายกฯและรมว.กลาโหมกัมพูชา
มุมหนึ่ง นี่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลแพทองธาร ขาดมืองานด้านความมั่นคง ที่เชี่ยวกรากมีศักยภาพ ทำให้การแก้เกมของฝ่ายไทย ต้องวิ่งไล่หลังเขมรมาตลอด
แต่อีกมุม คนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่มีฐานข้อมูลเวิลด์ไวด์ จะไม่รู้เลยหรือว่า เพื่อนซี้ฮุนเซน เดินเกมแบบนี้เพื่อเป้าหมายอะไร ยกเว้นแต่มีผลประโยชน์ร่วม
หนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติของกัมพูชา คือการรุกคืบฮุบดินแดนไทย แค่อาศัยคำว่าพื้นที่ทับซ้อน มีการวางแผนกันมาหลายสิบปี มาตั้งแต่รุ่น สมเด็จสีหนุ อดีตกษัตริย์และผู้นำเขมร แต่ต้องมาสะดุดจากวิกฤติการณ์เขมรสามฝ่าย
พอ ฮุนเซน อดีตนายกฯตัวพ่อ ตั้งลำยึดครองอำนาจได้เบ็ดเสร็จ ก็เดินแผนการฮุบปราสาทพระวิหาร
รุกไล่ต่อเนื่องจะเอาปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องกร่าง ฯลฯ ไล่ลงล่างไปจนถึงไหล่ทวีป แหล่งประโยชน์พลังงานอันมหาศาล
อาศัยช่วงจังหวะที่ไทยยังคงอ่อนแอ กับวิกฤติการเมืองภายใน ประกอบกับผลประโยชน์ทับซ้อน ของผู้มีบารมีตัวจริงของรัฐบาล เลยถือโอกาสหาเหตุยกเรื่องขึ้นศาลโลก
งานนี้ถ้าเดจาวู เหมือนที่เราสูญเสียปราสาทพระวิหารไป บอกได้เลยว่า ตระกูลชินวัตรทั้งตระกูล อาจจะไม่มีที่ให้เหยียบยืนบนผืนแผ่นดินไทยอีก
ถ้าเป็นภาวะปกติ วัดกันด้วยขีดความสามารถทางทหาร เขมรไม่มีทางสะเออะกับไทยได้
แล้วเบื้องลึกเบื้องหลังอะไร ถึงทำให้เขมรกล้ามาท้าตีท้าต่อยกับไทย ก็ต้องได้ดูว่าใครอยู่เบื้องหลังเขมร
คลี่ม่านไม้ไผ่ออกมา ก็จะเห็นว่าแผนสยายอำนาจของจีน ด้วยอภิมหาโปรเจกต์ “วันเบลล์วันโรด” (One Belt One Road หรือ Belt and Road Initiative – BRI) ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ที่รัฐบาลจีนริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2013 กลับต้องมาสะดุดหยุดลงที่ไทย
ที่ไม่ยอมให้จีนกินรวบภูมิภาคอินโดจีน ไล่ลงไปจนถึงมาเลเซีย-สิงคโปร์
จีนเลยต้องเปลี่ยนแผน แยกออกเป็น 2 สาย
สายหนึ่งไปลงที่พม่า ที่มีท่าเรือน้ำลึกจ้าวผิ่ว ในอ่าวเบงกอล เบื้องหน้าคือท่าเรือน้ำลึกสำหรับขนส่งพลังงานจากตะวันออกกลาง ขึ้นไปที่จีน
แต่เบื้องหลัง เป็นที่มั่นของฐานทัพเรือ ที่มีเรือรบจีนซุกซ่อนอยู่ ถือเป็นชัยภูมิสำคัญ ที่จีนตั้งใจแผ่ขยายอำนาจลงมาในเขตมหาสมุทรอินเดีย
อีกสาย ลงมาที่ลาว-กัมพูชา ที่กินรวบไปหมดแล้ว ทั้งด้านเศรษฐกิจ และการทหาร ลงไปสุดที่เวียดนาม โดยมีฐานทัพเรือเรียม เป็นชัยภูมิในฝั่ง อินโด-แปซิฟิก
มหามิตร ที่เป็นแค่เปลือกคำพูด วันนี้เริ่มแสดงธาตุแท้
ขณะที่ไทย-เขมร กำลังมะรุมมะตุ้มกันอยู่ ดันขนเรือรบจีนมาเปิดปฏิบัติการฝึกทางทะเล ด้วยกระสุนจริง กับทางเขมร ทั้งที่ไม่ได้ฝึกด้วยกระสุนจริงมา 2 ปีแล้ว
นี่มันหมายความว่าไง มหามิจ ถือหางเขมรชัดเจน
สิ่งที่ต้องจับตาคือ ทูตจีน ที่จะมาประจำการประเทศไทยคนใหม่่ แทน หาน จื้อเฉียง ที่เพิ่งพ้นวาระไป จีนจะเอาสายเยี่ยวที่เข้มข้นกว่า มาประจำการในไทยหรือไม่
เป็นสงครามการเมือง – สงครามเศรษฐกิจโลก เพื่อสร้างภูมิรัฐศาสตร์โลกใหม่ ที่ห้ามกระพริบตา
