อย่าลืมตาอยู่ “ขั้วสีเขียว”

เป็นช่วง 3 วันอันตราย 12-13-14 มิ.ย.

ศึกชี้ชะตา นายใหญ่ ที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงขุมข่ายรัฐบาลลูกสาว ยังต้องลุ้นระทึก ว่าจะ ได้ไปต่อ หรือจะเกิดการ พลิกคว่ำพลิกหงาย

เริ่มจาก 12 มิ.ย. ที่จะมีการประชุมใหญ่ของ แพทยสภา วาระสำคัญที่ทุกฝ่ายจับตาคือ
การลงมติยืนยันมติเดิม เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ให้ลงโทษแพทย์ 3 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งตัวและรักษาอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ

มีแรงกดดันจากกลุ่ม ประชาคมแพทย์ และกลุ่ม ต้านรัฐบาล ให้กรรมการแพทยสภาโหวตแบบ เปิดเผย ขานชื่อเรียงตัวทีละคน
ไม่เอาการลงมติลับ

เท่าที่ติดตามและได้รับฟังมา
เสียงโหวตน่าจะท่วมท้น

ถัดไป 13 มิ.ย.
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งนัดพร้อมหรือนัดไต่สวน
การบังคับโทษจำคุกอดีตนายกฯทักษิณ เป็นไปตามระเบียบกฎหมายหรือไม่
อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากกรณี ชั้น 14 รพ.ตำรวจ เช่นกัน
ต้องรอดูว่า ศาลฎีกาฯ จะมีคำสั่งหรือคำวินิจฉัยอย่างไร

และ 14 มิ.ย.
การนัดประชุม คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่กรุงพนมเปญ
ต้องดูว่า การเตรียมการของฝ่ายไทย จะเป็นการใช้
ชั้นเชิงการทูตเชิงรุก
หรือยังคง ไล่ตามก้นเขมร

เพราะก่อนหน้านี้กัมพูชาโชว์ความเขี้ยวออกมาแล้วว่า
จะไม่นำกรณีพิพาทที่ช่องบก ที่มี ปราสาทสามตา คือ
ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย
และพื้นที่ มอมเบ เข้าสู่ที่ประชุมในครั้งนี้

มุ่งเป้ายืมมือศาลโลก มาเป็นคุณแก่ฝ่ายเขมรท่าเดียว

เมื่อต้องเผชิญกับ มรสุมรอบด้าน
ก็ทำเอา นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร เป๋ไปเป๋มา
ไม่รู้จะกางตำราเล่มไหนตั้งรับ
ทำได้แค่ เด้งเชือกประคองตัวไปวันๆ

นี่คือบทพิสูจน์ การบริหารประเทศ
บน กระดานอำนาจที่โหดอำมหิต
ไม่ใช่เวทีที่ มือสมัครเล่นจะมาทดลองงาน

ผิดกับแคนดิเดตนายกฯพรรคร่วมรัฐบาล
“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ที่ยังเล่นบท หวานซ่อนมีด
โชว์เหนือ บินลงพื้นที่เรียกประชุม 7 ผู้ว่าฯ ที่มีชายแดนติดกับเขมร

พร้อมไปกับการ ยกย่องชื่นชมกองทัพ
ในการจัดการแก้ปัญหาความขัดแย้งครั้งนี้
นับว่า เล่นเป็น

ช่วงที่ผ่านมารัฐบาล เดินเกมตามก้นเขมร
และยังตามหลังกองทัพอยู่ 1 ก้าวเสมอ

ล่าสุด กองทัพบก เชิญผู้ช่วยทหาร 47 ประเทศ
มารับฟังข้อมูล ปัญหาชายแดนไทย – กัมพูชา
เป็นการเดินเกม การทูตเชิงรุก ที่ถูกเวลา

ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลโดย กระทรวงการต่างประเทศ
ยังไม่คิดจะเชิญทูตต่างประเทศมารับฟัง บรีฟแนวทางการแก้ปัญหาของฝ่ายไทย

ยิ่งทำให้บทบาท ทหาร-กองทัพ โดดเด่นขึ้น
ท่ามกลางความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาลที่ถดถอยลงทุกวัน
เข้าทางบรรดา กองเชียร์กองแช่ง ที่คอยยุแยงให้ ทหารคิดนอกกรอบ
แอ่น..แอน..แอ๊น..กันท่าเดียว

และร้อนฉ่าขึ้นมาทันที
เมื่อโพยรายชื่อ 21 สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เข้าชื่อยื่น
นายกฯแพทองธาร เสนอให้ ปรับ ครม. สัดส่วนของ รทสช.
นำโดย สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์

ขณะที่ขั้ว “พีระพัง” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค
และ “เสี่ยขิง” เอกณัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค
ก็ตั้งป้อม สู้ยิบตา…..
คนที่ ยิ้มหวาน ก็ลูกพรรค
รับกันมันมือ ทั้งสองทาง

คนที่ ปวดหัวสุด คือ นายกฯอิ๊งค์
ต้องเจอไฟต์บังคับให้ ปรับ ครม.
ที่สำคัญคือจะเอาอย่างไรดีกับ พรรคร่วม
โดยเฉพาะ ภูมิใจไทย หนามยอกอก “นายใหญ่”

วันนี้ แคนดิเดตฯ หนู
แตะมือหลวมๆ กับ พีระพันธุ์
เพื่อต่อรองกับ “นายใหญ่ – นายกฯอิ๊งค์

แต่การออกมาโชว์ เล่นใหญ่ ของ
“เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น
เป้าหมายพุ่งตรงไปที่ พีระพันธุ์ – เอกณัฏ
ก็เพราะเชื่อมั่นใน “ไฮพาวเวอร์” ที่เป็นแบ็กอัพ

พรรค DNA ลุงตู่ รอวันล่มสลาย
เข้าทาง สีน้ำเงิน ที่รอไล่ช้อน ตลบหลัง
โดยเฉพาะโซน ภาคใต้ ที่วันนี้
บารมีสีน้ำเงินแผ่อิทธิพลปกคลุม

ยิ่งค่าย รทสช. แตกพ่าย
ยิ่งเข้าทาง “2 น.”

การเมืองวันนี้ ล่อกันเละ
แค่เพื่อ อำนาจและผลประโยชน์

ยังไงก็ อย่าลืมหันไปมอง
ตาอยู่อย่าง “ขั้วสีเขียว”
ที่รอจังหวะ ล้างป่าช้า อยู่ก็แล้วกัน

ทักษิณ ชินวัตร, แพทองธาร, ปรับครม, ขั้วสีเขียว, รทสช

ERP พันหน้า HR พันเล่ม…โปรเจกต์ 158 ล้าน ที่ประชาชนไม่มีชื่ออยู่ใน TOR

อิสราเอลเปิดปฏิบัติการ “Rising Lion” โจมตีโครงการนิวเคลียร์และกองทัพอิหร่าน