ปฏิบัติการล้างคราบไคล “สายน้ำเงิน”

The show must go on ละครยังไม่ปิดฉาก ก็ต้องแสดงกันต่อไป

นายกฯอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ถือฤกษ์ 09.09 น. เข้ากระทรวงวัฒนธรรม ปฏิบัติหน้าที่รมว.วัฒนธรรมเป็นวันแรก ในช่วงที่ต้องเว้นวรรคตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ

ท่ามกลางรัฐมนตรี และสส. ของพรรคเพื่อไทย มาห้อมล้อมให้กำลังใจ นำโดย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและรมว.คมนาคม 

นายกฯแพทองธาร เผยความในใจ รู้สึกแย่ที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แต่ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำหน้าที่รมว.วัฒนธรรมอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดัน ซอฟต์พาวเวอร์ นโยบายเรือธงที่เหลืออยู่เพียง 1 เดียว ที่รัฐบาลนี้จะปั้นเป็นผลงาน เอาไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้งใหญที่จะมาถึง

บรรดานักข่าวที่เกาะติดภารกิจ นายกฯอิ๊งค์ พูดเป็นเสียงเดียวกัน สังเกตอาการตอนเข้ากระทรวงวันแรก ดูจะปรับอารมณ์ได้ดีขึ้น หลังจากทำท่าห่อเหี่ยวมา 1-2 วัน 

แถมยังประกาศโชว์สื่อ “พร้อมแล้วค่ะ ยังมีพลังเหลืออีกเยอะมากในการทำงาน” 

วงในว่ากันว่า การ Build อารมณ์ขึ้นมาได้ เป็นเพราะได้รับคำยืนยันจาก “คุณพ่อนายกฯ”ทักษิณ ชินวัตร ว่ายังได้รับสัญญาณในทางบวกอยู่ 

ดังนั้นวาระแห่งชาติของรัฐบาลชุดนี้ คือปั้นซอฟต์พาวเวอร์ให้ติดตลาดให้ได้

ท่ามกลางสภาพรัฐบาลที่เสียงปริ่มน้ำ ประชุมสภาทีประธานวิปรัฐบาลหายใจไม่ทั่วท้อง

แล้วก็เอาซะจริงๆ เปิดประชุมสภาสมัยสามัญวันแรก 3 ก.ค. ล่มไม่เป็นท่า องค์ประชุมไม่ครบ จนประธานที่ควบคุมการประชุม ต้องชิงสั่งปิดประชุม ไม่ให้ขายขี้หน้าไปกว่านี้ 

ในมุมมองของ “ไหม”ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน แกนนำพรรคฝ่ายค้าน มองว่า นี่ขนาดวิปรัฐบาลกำชับสส.มาก่อนหน้านี้ ให้มากันให้ครบ แต่พอมีการทดสอบแล้วสภาฯยังล่ม แสดงถึงความไม่มีเสถียรภาพ รัฐบาลง่อนแง่นอย่างถึงที่สุด เป็นสัญญาณไม่ดีที่จะโหวตกฎหมายสำคัญๆ ที่จะทยอยเข้าสู่สภา 

ก็ขนาด “ประธานวันนอร์”วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ยังอดรนทนไม่ได้ต้องออกปากให้ กมธ.ในฟากฝั่งรัฐบาล ย้ายวันประชุม ป้องกันการเล่นเกมนับองค์ประชุม

สภาพการเมืองยังต้องเดินไปอย่างกระท่อนกระแท่น จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในคดีของ นายกฯแพทองธาร ออกมา หากดูตามไทม์ไลน์ในกณีที่ผ่านมา ทั้งเคส “อดีตนายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ “อดีตนายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาราวๆ 2 เดือน 

หากดูตามไทม์ไลน์นี้ ก็เป็นช่วงใกล้เคียงช่วงปลายเดือนส.ค. ถึงต้นเดือนก.ย. ซึ่งเป็นช่วงเวลาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2569 เสร็จเรียบร้อย รอให้รัฐบาลใช้ขับเคลื่อนประเทศ 

ที่สำคัญคือ เป็นช่วงฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ที่พรรคเพื่อไทยกาหัวเอาไว้แล้ว จะเข้ามาล้างคราบไคล “สิงห์น้ำเงิน” ที่สองคู่หู “หนู-เน” วางมือไม้เอาไว้สำหรับศึกเลือกตั้งใหญ่ ลงลึกถึงระดับ นายอำเภอ 

อย่างที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ที่มานั่งควบรมว.มหาดไทย ป้ายแดงหมาดๆ ประกาศในช่วงมอบนโยบาย จัดวางเคพีไอไว้ 3 เดือน “เปลี่ยนมหาดไทย” 

ขู่บิ๊กข้าราชการปรับกำลังใหม่หากไม่ตอบสนอง ใครเกียร์ว่างฟัน ม.157 ซ้ำ 

ระดับตัวพ่อ “สิงห์ดำ”รุ่น 25 มามหาดไทยรอบนี้ไม่ใช่มาเล่นๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะล้างในน้ำเดียวเสร็จ 

แต่น้ำแรก แทงเต็งไปที่ผู้ว่าราชการจังหวัดใหญ่ๆ ที่มีจำนวนสส.หลายที่นั่ง และจังหวัดที่มีการขับเคี่ยวกันสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ทับซ้อนระหว่าง สีแดง กับสีน้ำเงิน 

พ่อเมืองกลุ่มนี้ เตรียมยกก้นรอไว้ได้เลย โดนแน่…

นอกนั้นก็กลุ่มอธิบดีสีน้ำเงิน เครือข่ายเขากระโดง ไม่โยกสลับไปกรมเล็กๆ ก็โดนเด้งไปนั่งตบยุง 

พร้อมขู่นักปกครองที่คิดจะลองของ ในช่วงที่นายกฯต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ อาจมีคนลองดีใส่เกียร์ว่าง “มท.อ้วน” ประกาศลั่น ถ้าไม่ทำ ถ้าเกียร์ว่าง ก็เท่ากับโดนมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ก็ต้องรอดูว่า สีแดง – สีน้ำเงิน ใครจะล้างใครก่อน

ปรับครม.วันแรกก็วุ่นวาย ประธานชิงปิดประชุมหนี “สภาล่ม”

เส้นตายภาษีทรัมป์ กับความเสี่ยงส่งออกไทย