เป็นช่วงคิวทองของ “พี่โทนี่”-ส.ท.ร. เดินสายโชว์วิชั่น
อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเวทีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ร่วมเป็นองค์ปาฐก “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย …สู้วิกฤตโลก (Unlocking Thailand’s Future) – พลิกเกมเศรษฐกิจไทย…สู่อนาคต”
ร่ายยาวถึงปมอุปสรรคขวากหนาม ในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน สร้างงาน สร้างเงิน ปั้นเม็ดเงินให้ประเทศ เน้นไปที่การติดขัดในข้อกฎหมาย
ที่ขีดเส้นใต้ย้ำเอาไว้หลายเส้น คือ ระบบราชการไทย ที่วันนี้กลายเป็นตัวถ่วงความเจริญของชาติ เป็นตัวอุปสรรคสำคัญในการผลักดันนโยบายลงไปสู่ชาวบ้าน
อดีตนายกฯทักษิณ ยังมองสถานการณ์ในอนาคต แบบคนในทุ่งลาเวนเดอร์ว่า จะไม่มีการเปลี่ยนตัวนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร เพราะต้องทำงานต่อเนื่อง แพทองธารยังเป็นนายกฯ ก็ได้ ทักษิณ เป็นตัวแถม ที่เปรียบเสมือนเสมียนของประเทศ
ปวารณาตัวเป็นเสมียนให้ประเทศ รวบรวมทุกอย่างส่งให้นายกฯ และรัฐมนตรีไปดู
ร่ายยาวสารพัดโปรเจกต์ ทั้งเรื่องฟื้นฟูการท่องเที่ยว การสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย เร่งให้เมืองท่องเที่ยวเป็นสมาร์ทซิตี้ การปั้นเศรษฐกิจตัวใหม่ๆ อย่างตริปโทฯ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ถมทะเล-ขุดคลอง-แม่น้ำ สร้างงาน สร้างเงิน ฯลฯ
แนวคิดหลักคือ ต้องเอาเงินใหม่ๆ เข้าประเทศให้เยอะๆ เมื่อเงินสะพัด เศรษฐกิจก็จะดี เพราะทุกอย่างมันแย่มานาน จะให้เสร็จภายในข้ามคืน มันยาก
ส่วนไฮไลต์จริงๆ อยู่ในช่วงซักถาม อดีตนายกฯทักษิณ ยังพูดอย่างมั่นใจว่า คดีความทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็นคดีกล่าวหาการบังคับโทษจำคุก หรือคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ที่อยู่ในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแน่งทางการเมือง คดีมาตรา 112 ที่อยู่ในศาลอาญาชั้นต้น ที่ศาลนัดฟังคำพิพากษา ในวันที่ 22 ส.ค.นี้
เชื่อว่าจะรอด และไม่มีปัญหาอะไร

นั่นคือมุมมองของ อดีตนายกฯทักษิณ แต่ในมุมกลับกัน หลายเรื่องที่เข้าไปอยู่ในป.ป.ช. ซึ่งถูกมองว่าเป็นโลกคู่ขนานของรัฐบาลชุดนี้ ก็ตั้งแท่นสอบ ไม่ว่าจะเป็นคดีชั้น 14 หรือคดีคลิปเสียงมรณะ ของนายกฯแพทองธาร ที่มี สุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานป.ป.ช. คุมเกมเอง
เริ่มเดินเครื่องเต็มสูบ เช็กบิลกันแล้ว
ด้านฟากฝั่งคู่แย่งชิงอำนาจ ก็ใช่ว่าสถานการณ์จะดีไปกว่ากัน
เมื่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง ชุดที่ 26 ของสำนักงาน กกต. ที่รับผิดชอบคดีฮั้วเลือกสว. ประชุมสรุปสำนวนการสอบสวน และมีมติเสนอ กกต. ดำเนินคดีต่อต่อผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 229 ราย แบ่งเป็น สว. 138 คน กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย และเครือข่าย อีก 91 ราย
มีความเสี่ยงสูง โทษถึงขั้นยุบพรรค และตัดสิทธิ์ทางการเมือง
เนวิน ชิดชอบ – อนุทิน ชาญวีรกูล และพวก มีสิทธิ์โดนล้างขั้วสีน้ำเงินเช่นกัน
ยังมีอีกปีก ในส่วนของดีเอสไอและปปง. ที่กำลังไล่สอบพยานในคดีฮั้วเลือกสว. ความผิดฐานอั้งยี่-ฟอกเงิน สอบไปแล้ว 90 ปาก
พบพยานหลักฐานเบื้องต้น เข้าข่ายมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ทำให้ได้รับเลือกมาเป็น สว. โดยไม่สุจริต เที่ยงธรรม และขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 113 สั่งยุบพรรคได้
แม้จะมีมือดีงัดพลังภายในมาช่วยอุ้ม แต่ก็ต้องแบกกันหลังแอ่น ที่อาจทำให้หลังหักได้
นี่ยังไม่นับถึงการรุกไล่ จัดระเบียบล้างบางข้าราชการกันอีกลอตใหญ่
คิวร้อนสุดหนีไม่พ้น พรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีที่ดิน แม้ช่วงหลังๆจะไปยืนเป็นวอลเปเปอร์ ยามที่ “สิงห์อ้วน”ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.มหาดไทย รักษาการนายกฯ ไปลงพื้นที่
แต่คิดว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ รอรับแรงกระแทกได้ วงประชุมครม.สัปดาห์หน้า
นี่ขนาด “สิงห์อ้วน”เจ้าพ่อคลองหลอด ขู่เช้าขู่เย็น ฮึ่มๆอยู่ ยังมีคนกล้าลองของ
ทำในนามเพจเฟซบุ๊ก “ท้องถิ่นไทย” ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น(สถ.) ที่เพิ่งจะเด้งอธิบดีกันไปหมาดๆ ออกมาชี้แจงสวน มท.1 ร่ายยาวการจัดงบกระตุ้นเศรษฐกิจลงท้องถิ่น ไม่กระจุก แต่กระจาย
สอดไส้รอบนี้ เล่นเอา “สิงห์อ้วน”ควันออกหู สั่งสอบตัวปล่อยข่าว สงสัยเอกสารออกมาได้อย่างไร ทั้งที่อธิบดีอยู่ระหว่างถูกคำสั่งเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง
เดิมพันอำนาจสูง ข้าราชการที่แทงเต็งไปแล้ว กลับตัวลำบาก
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว อาจต้องล้างกันอีกซัก 3 – 4 น้ำ
ว่าแต่ว่า มหาศึกนิติสงคราม รอบนี้ ใครจะอยู่ ใครจะไปก่อนกัน