เบิร์ธเดย์ครบ 76 ปี แบบมีเสียงด่าไล่หลัง

ช็อตทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุสงครามความขัดแย้งแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ถูกเฉ่งตามโลกโซเชียล

โดนด่าเละฉวยจังหวะหาเสียงบนคราบน้ำตาประชาชน และชีวิตคนไทยผู้บริสุทธิ์และเหล่าทหารกล้าที่ต้องสังเวยชีวิตจากไฟสงครามที่ถูกมองว่า มีต้นเหตุมาจากความขัดแย้งของ 2 ตระกูล ลามมาเป็นการสู้รบตามแนวชายแดน

อย่างที่เห็นอารมณ์เกรี้ยวกราดของชาวบ้านที่ชี้หน้าด่านายใหญ่ “ปล่อยให้เพื่อนมายิงคนไทยได้อย่างไร” ระหว่างที่กำลังผัดข้าวใส่กล่องแจกผู้อพยพโชว์สื่อ ระบายความรู้สึกแทนชาวบ้านในพื้นที่แนวชายแดนที่ต้องเดือดร้อนจากภัยสงคราม จู่ๆต้องเปลี่ยนจากสถานะความเป็นอยู่มาเป็นผู้อพยพ

ตามสถานการณ์หน้างานที่การสู้รบมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่างฝ่ายต่างสาดอาวุธหนักปะทะกัน สูญเสียชีวิตทหารและประชาชน ด้วยกันทั้งสองฝ่าย

โจทย์ร้อนที่มีเรื่องอธิปไตยประเทศเป็นเดิมพัน แม้”นายกฯอิ๊งค์”แพทองธาร ชินวัตร จะอยู่ในช่วงถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักงานแต่จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ต้องเร่งหาทางคลี่คลาย สร้างสันติภาพ คลายความเดือดร้อนให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด

สถานการณ์วิกฤติความมั่นคงประเทศที่ยังไม่ทันคลี่คลายก็มีคิวแทรกปัญหาเร่งด่วนเข้ามาซ้อนทับ
ตามคิวแทรกรอบล่าสุด ที่ต้องเร่งแก้ ปัญหาอีกระลอก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ออกโรงขู่ผู้นำนำไทย-กัมพูชา ถ้ายังไม่หยุดยิง จะไม่เจรจาภาษีการค้าสหรัฐฯด้วย

โจทย์เศรษฐกิจแทรกคิววิกฤติสงครามที่ผูกโยงสะเทือนถึงกัน เนื่องจากสหรัฐฯคือ ตลาดส่งออกใหญ่สุดของประเทศไทย และเหลือเส้นตายอีกแค่ไม่กี่วัน จะครบกำหนดที่สหรัฐฯจะโขกเรตภาษีการค้ารอบใหม่ 36% กับประเทศไทย  แต่รัฐบาลยังต่อรองลดภาษีกับผู้นำโลกไม่สำเร็จ

อัตราภาษี “ทรัมป์”รอบใหม่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ไทยยังปิดดีลเจรจาไม่ลงตัว ซ้ำยังถูกมหาอำนาจโลกสร้างเงื่อนไข นำเรื่องอธิปไตยประเทศมาต่อรองกับความอยู่รอดทางเศรษฐกิจ เพิ่มความตึงเครียดมากขึ้นไปอีก
เดิมพันเรื่องดินแดน อธิปไตยประเทศ เรื่องคอขาดบาดตายในความรู้สึกคนไทยที่ไม่มีทางยอมให้กันได้ ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสร้างการแทรกแซงจากมหาอำนาจโลก

กดดันให้ไทยต้องจำยอมเอาเรื่องเอกราชมาแลกกับการลดภาษี 36% และยังไม่รู้จะมีดีลลับอื่นๆแทรกมาด้วยหรือไม่
         
สถานการณ์เข้าจังหวะเหมือนเป็นทางลงให้กัมพูชาที่กำลังย่อยยับหนักจากการปะทะ มีเงื่อนไขเจรจาหยุดยิงจากสหรัฐฯมาช่วยชีวิต

ตามคิวล่าสุดที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี บินด่วนไปเจรจาเงื่อนไขหยุดยิงไทย-กัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย มีนายอันวาร์  อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยสร้างสันติภาพ 2 ประเทศ
ฉากเจรจารอมชอมของฝั่งรัฐบาล ที่ดูเหมือนเป็นคนละบริบทกับฝ่ายกองทัพที่ไม่ยอมรับการหยุดยิง ประกาศเดินหน้ารบต่อ จนกว่ากัมพูชาจะหยุดยิง และขอมาเจรจาสงบศึกด้วยตัวเอง

ตามสถานการณ์หน้างานในพื้นที่ชายแดนที่ทหารไทยและกัมพูชายังปักหลักยิงตอบโต้กันต่อเนื่อง
ยุทธศาสตร์ฝ่ายไทยไม่ยอมหยุดยิงทันที จำเป็นต้องเผด็จศึกยึดคืนพื้นที่ให้เด็ดขาดก่อน หากหยุดยิงทันที ในขณะที่ทหารเขมรยังยึดครองแผ่นดินไทยบางส่วนอยู่ก็เท่ากับยอมยกดินแดนที่กัมพูชายึดครองอยู่บางจุดให้เขมรไป จำเป็นต้องยึดพื้นที่กลับคืนมาให้ได้ก่อนจะเจรจาหยุดยิงอย่างเป็นทางการ

ที่เหลือคงต้องจับตาดูบทบาทเจรจาของคณะรัฐบาลไทย ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่าอยู่บนหลักการรักษาอธิปไตยประเทศ เดินหน้าเอาผิดกัมพูชา ลากคอผู้นำกัมพูชามาลงโทษในข้อหาอาชญากรรมสงคราม ไม่มีการยอมความกันง่ายๆ เพราะกัมพูชาไม่เคยเห็นประเทศไทยเป็นมิตรในสายตา
อย่าให้มีบทซูเอี๋ยะ เกิดข้อกังขารอมชอมผลประโยชน์เพื่อตระกูลใดเกิดขึ้นเด็ดขาด!!!