สับเปลี่ยนยุทธวิธีปรับโหมดการรบภาคพื้นที่แนวชายแดน เป็นสงครามข่าวสารและสงครามการทูต
ไทย-กัมพูชาใช้เวทีนานาชาติ ต่างฝ่ายต่างเชิญคณะทูตและสื่อต่างประเทศมาฟังข้อเท็จจริงในการสู้รบ สร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายตัวเอง ลามไปถึงสงครามไซเบอร์ระหว่างประเทศก็ระอุไม่แพ้กัน แฮคเกอร์ไทย-เขมรสาดกระสุนโซเชียล ปล่อยเฟคนิวส์โจมตี ฟาดฟันกันดุเดือด
กระแสชาตินิยมสองประเทศพุ่งทะลุเพดาน สวนทางกับศรัทธารัฐบาลแต่ละประเทศทรุดฮวบ
โดยเฉพาะรัฐบาลไทยเจอพายุอารมณ์ประชาชนกระหน่ำหนัก แม้กุมแต้มต่อสนามรบ ยึดครองพื้นที่ยุทธศาสตร์แนวชายแดนหลายแห่งเหนือกัมพูชา แต่ในเวทีนานาชาติถูกมองไล่ไม่ทันเหลี่ยมคู่พ่อลูกเจ้าเล่ห์ “ฮุน เซน -ฮุน มาเนต” ผู้นำรัฐบาลเขมร ในการชี้แจงบนเวทีโลก
ถูกมองขยับตัวตอบโต้ชักช้า ปล่อยกัมพูชาเล่นละครลวงโลก แสดงบทเหยื่อ ถูกทหารไทยรังแก แล้วค่อยมาชี้แจงไล่หลัง
บริบทกลับตาลปัตร กลายเป็นกองทัพและประชาชนต้องคอยทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียง ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อนานาประเทศแทนรัฐบาล
ผลการเปิดแนวรบชายแดนไทย-กัมพูชา ทุบคะแนนความนิยมรัฐบาลเพื่อไทยหายเกือบเกลี้ยงหน้าตัก ความศรัทธา ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลพังพินาศ
ภาวะสังคมหมดความเชื่อมั่นนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ถูกมองทำประเทศไทยเสียเปรียบในเวทีเจรจาหยุดยิง ที่มาเลเซีย ไม่ต่างจากความเชื่อมั่นในตัว “นายกฯ อิ๊งค์”แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในช่วงถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่
ล่าสุด สวนดุสิตโพลเปิดเผยผลสำรวจความเห็นประชาชน ระบุชัด ผลงานรัฐบาลดิ่งเหว แต้ม “นายกฯอิ๊งค์-ภูมิธรรม” ร่วงระเนระนาด มีคะแนนตามหลังนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
สถานการณ์รบไทย-กัมพูชา กระทบความเชื่อมั่นประชาชนฉุดคะแนนนายกฯตกต่ำ หล่นไปอยู่รั้งท้าย
ผลงานรัฐบาลตกต่ำสุดในรอบปี จากปัญหาความมั่นคงที่การสื่อสารสถานการณ์ไทย-เขมรล่าช้า ปัญหาเศรษฐกิจ “ภาษีทรัมป์” และการแก้ปัญหาอุทกภัยพื้นที่ภาคเหนือ เติมแต้มลบให้รัฐบาลหนักหน่วงขึ้น สะท้อนความไม่พอใจของประชาชนต่อการทำงานภาครัฐ
ยังมองไม่เห็นแนวทางฟื้นฟู หรือสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนให้กลับคืนมาในระยะเวลาอันใกล้
เรตติ้งนายกฯตั้งท่ากู่ไม่กลับ ความนิยมหายเข้ากลีบเมฆ สภาพหมดรูป คะแนนไม่ได้แพ้แค่ผู้นำฝ่ายค้าน “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน แต่ยังไล่ตามหลังแม้กระทั่ง “เดอะท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มีสส.แค่ 10คน
ความอ่อนไหวเรื่องอธิปไตยประเทศไทย สร้างบาดแผลสาหัสแก่พรรคเพื่อไทย กลายเป็นตราบาปติดตัว หาเสียงเลือกตั้งเมื่อไร ก็เป็นจุดอ่อนให้คู่ต่อสู้นำมาข่มขวัญ ทำลายคะแนนนิยมความเชื่อมั่น

คนในสังคมจำนวนมากปักใจเชื่อ ไฟสงครามไทย-กัมพูชา เป็นผลพวงจากความขัดแย้งของ 2 ตระกูลอำนาจไทย-เขมร โดยมีคลิปสนทนา “นายกฯอิ๊งค์-ฮุน เซน” เป็นชนวนเร่งปฏิกิริยา
แม้จะเปิดเวทีเจรจาทวิภาคี หยุดการสู้รบ โดยมีประเทศตัวกลาง มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ แต่ก็ยังไม่รู้จะฉายแสงแห่งสันติภาพเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่
ภาวะภูมิคุ้มกันรัฐบาลบกพร่องรุนแรง การเมืองไทยอยู่ในสภาพกึ่งสุญญากาศ เพราะผู้นำประเทศถูกพักการปฏิบัติหน้าที่ การแสดงแอ็กชั่น บทบาทตอบโต้บนเวทีโลกก็เลยออกตัวได้ไม่เต็มที่
ไหนจะต้องคอยพะวงคดีคลิปสนทนากับอังเคิลฮุน เซน ที่งวดเข้ามาเรื่อยๆ ยังไม่รู้บทสรุป แม้กระทั่งตัวพ่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้จัดการรัฐบาลตัวจริง ต้นทุนความเชื่อมั่นส่วนตัวก็ยังง่อนแง่น มีคดีรุมเร้าไม่ต่างจากลูกสาว ทั้งคดีมาตรา 112 และคดีป่วยทิพย์ ชั้น14
บ่วงนิติสงครามล้อมรอบคู่พ่อลูก “ทักษิณ-แพทองธาร” ต้องลุ้นตัวโก่งจะได้ต่อวีซ่าตั๋วอำนาจหรือไม่
รัฐบาลตระกูลชินฯอ่อนเปลี้ยเพลียแรง โดนวิกฤติความมั่นคง การเมือง เศรษฐกิจ และด่านนิติสงครามล้อมกรอบ ซ้ำยังโดนรุกไล่จากสารพัดม็อบ
เผชิญแรงต้านหนักหน่วง ความเชื่อมั่น ความศรัทธาจากประชาชนใกล้ล้มละลาย
จะแก้ปัญหามือเป็นระวิงแค่ไหน ก็คงใกล้สุดทางลากเต็มที