เปิดโปรย้ายค่าย ของค่ายสีน้ำเงิน

หมอดูไม่ต้องมาเดา โหรไม่ต้องมาฟันธง ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯปี 69 วงเงินกว่า 3.78 ล้านบาท ผ่านสภา 3 วาระ ฉลุย ชัวร์..!

เปิดประชุมสภา 3 วันนี้ 13-15 ส.ค. เพื่อถกร่างงบประมาณ 69 ก็แค่พิธีกรรมที่ต้องทำให้ครบถ้วนตามขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่ใช่ว่าจะราบรื่นดั่งโรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องเจอลองของจากพรรคฝ่ายค้าน ด้วยเกมการนับองค์ประชุมเป็นระยะ ๆ เช็กความปึ้กของรัฐบาลเพื่อนกิน กันซะหน่อย

ตัวเลขที่น่าสนใจคือ งบประมาณที่ กมธ.ฯ รีดไขมันออกมา 8,920 ล้านบาท เกือบ 9 พันล้านบาท

5 อันดับแรก หน่วยงานที่โดนปรับลดมากที่สุดคือ 1.กระทรวงมหาดไทย ถูกหั่นไป 2,148 ล้านบาท 2.หน่วยงานรัฐสภา 880 ล้านบาท 3.กระทรวงคมนาคม 795 ล้านบาท 4.กระทรวงสาธารณสุข 693 ล้านบาท และ 5.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 459 ล้านบาท

ขณะที่งบกระทรวงกลาโหมถูกปรับลดรวม 189 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงบก่อสร้างอาคาร และการพัฒนาขีดความสามารถ ไม่เกี่ยวกับด้านการปกป้องอธิปไตย

สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถูกปรับลด 40 ล้านบาท กองทัพเรือ จากที่ตั้งไว้ 2.1 หมื่นล้านบาท ถูกปรับลด 47 ล้านบาท กองทัพอากาศ ตั้งไว้ 2.3 หมื่นล้านบาท ปรับลด 23 ล้านบาท กองบัญชาการกองทัพไทย ตั้งไว้ 7.6 พันล้านบาท ปรับลด 42 ล้านบาท

งบที่ปรับลดลงไปนี้ จะถูกนำไปจัดสรรเพิ่มเติมให้กับ 7 หน่วยงาน และ 2 แผนงาน ที่ฝ่ายค้านมองว่ายังไม่เหมาะสมกับภาวะฟื้นฟูเศรษฐกิจ ได้แก่

1.รัฐวิสาหกิจ ได้เพิ่ม 4,914 ล้านบาท 2.กระทรวงการคลัง ได้เพิ่ม 1,568 ล้านบาท 3.งบฯกลาง ได้เพิ่ม 1 พันล้านบาท เพื่อใช้กรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น 4.กระทรวงแรงงาน ได้เพิ่ม 1 พันล้านบาท 5.กระทรวงพม. ได้เพิ่ม 153 ล้านบาท 6.หน่วยงานศาล ได้เพิ่ม 83 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินงานการพิจารณาพิพากษาคดีที่รวดเร็ว มีคุณภาพ และ 7.กระทรวงเกษตรฯ ได้เพิ่ม 20 ล้านบาท

ส่วน 2 แผนงาน ที่ได้งบเพิ่ม คือ แผนงานบูรณาการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติด 20 ล้านบาท และแผนงานบุคลากรภาครัฐ อีก 160 ล้านบาท

การจัดงบประมาณครั้งนี้ อาจเป็นงบปีสุดท้ายของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร

ดังนั้นแน่นอนว่า งบส่วนใหญ่จะมุ่งตรงไปในพื้นที่ของพรรคร่วมรัฐบาล การเล่นแร่แปรธาตุงบประมาณ ถือเป็นเรื่องปกติของฝ่ายการเมือง ที่ไม่ว่าใครขึ้นมาครองอำนาจก็ต้องใช้แท็กติกนี้ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง ในการเลือกตั้งรอบหน้า

ดูสภาพรัฐบาลที่ไร้อำนาจบริหารเต็มมือแล้ว หลังจบเรื่องงบปี 69 และการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอีกล็อตใหญ่ ก็น่าจะถึงเวลาลงสู่สนามเลือกตั้งใหม่ (ถ้าเป็นไปตามระบอบปกติ)

ยกเว้นเสียแต่ผู้คุมเกมตัวจริง ยังคงพอใจกับช่วงสุญญากาศอำนาจในช่วงนี้ ที่สามารถบริหารจัดการได้เต็มมือ โดยไม่มีฝ่ายการเมืองมาคอยขัดคอ ขัดแข้งขัดขา

แต่อาการของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ดูจะมั่นอกมั่นใจในพลังพิเศษของลมใต้ปีก จะทำให้รอดพ้นทุกบ่วงคดีความ ถึงมั่นหน้าว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในเร็ววัน

จึงเริ่มเปิดหัวไดโว่ โชว์พลังดูดไฮพาวเวอร์ แกนนำค่ายน้ำเงินเดินสายตีปี๊บ “โปรย้ายค่าย” กันรายวัน โดยเฉพาะสมรภูมิปักษ์ใต้ ที่รอบนี้อาจต้องขับเคี่ยวกันหลายพรรค ไม่ใช่ส่งเสาไฟฟ้าเหมือนยุคก่อน

ด้วยเงื่อนไขที่น่าเร้าใจของโปรย้ายค่าย “ไปมือเปล่า กลับบ้านเต็มเป๋า” ค่ายสีฟ้า ประชาธิปัตย์ ดูจะหนักหนาที่สุด บ้านใหญ่รัชกิจประการ “นาที-พิพัฒน์” คู่ผัว-เมียแม่ทัพใหญ่สายใต้ เดินเกมรุกหนัก

ก่อนหน้านี้ก็หนีบผู้นำจิตวิญญาณสีน้ำเงิน “เนวิน ชิดชอบ” ยกคณะ ไปเยือนตรัง เป้าหมายคือบ้านพักริมถนนตรัง-ปะเหลียน อ.ย่านตาขาว ของสมชาย โล่สถาพรพิพิธ อดีตสส.ตรังหลายสมัย พ่อ สุณัฐชา โล่สถาพรพิธ สส.ตรัง ประชาธิปัตย์ แค่ร่วมยินดีที่ สุณัฐชา ได้เป็นประธาน กมธ.ตำรวจคนใหม่

ส่งสัญญาณชัด ดีลหมูย่างเมืองตรัง เลือกตั้งรอบหน้าอาจไม่มีบ้านใหญ่โล่สถาพรพิพิธ อยู่ใต้ชายคาประชาธิปัตย์อีกต่อไป ตามที่ สมชาย ลั่นเอาใจ“เนวิน”ว่า “ในครั้งต่อไปไม่แน่ว่าอาจเป็นพรรคเดียวกันทั้งหมดก็ได้”

โดยการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา สมชาย ที่มีศักดิ์เป็นน้า ส่งคนของตัวลงแข่งกับ ดิษฐ์ธนิน ภาคย์อิชณน์ ผู้สมัครของภูมิใจไทย ที่มีศักดิ์เป็นหลาน เฉือนชนะกันแค่พันกว่าคะแนน

คิวถัดมา พิพัฒน์ ไปนั่งร่วมวงข้าวที่บ้านใหญ่เขารูปช้างของ นิพนธ์ บุญญามณี อดีตรมช.มหาดไทย มี “สรรเพชญ บุญญามณี” สส.สงขลา ร่วมโต๊ะด้วย จนมาถึงฉากการออกหน้าปมที่ดินเขากระโดงแทน บ้านใหญ่บุรีรัมย์ ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้บ้านบุญญามณี พร้อมถีบทิ้งบ้านหลังเก่า

การปล่อยซีน “21 สส.” พบ เฉลิมชัย ศรีอ่อน ยืนยันจะอยู่กับประชาธิปัตย์ต่อไป

แต่ในทางการเมือง ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ พลังอำนาจ-ผลประโยชน์ ไม่เข้าใครออกใคร

ภูมิธรรม สวนภูมิใจไทย ชี้ “เขากระโดง–ฮั้ว สว.” คือคดีใหญ่ต้องเร่งปิดบัญชี

แพทองธารแจงศาลฯ ปมคลิปเสียง ยันไม่ละเมิดจริยธรรม เตรียมชี้ชะตา 29 ส.ค. นี้