ยามบุญพาวาสนาส่ง นาทีนี้ใครก็หยุด “เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ คนที่ 32 ไม่ได้
ด้วยพลังของลมใต้ปีก ระดับ ซูเปอร์ VVIP ที่กรุยทางให้เหมือนเสกมนต์ ทำให้เส้นทางก้าวเดินขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำสูงสุดทางการเมืองของ อนุทิน ชาญวีรกูล เหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ
สำนึกบาปครั้งสุดท้ายของ เพื่อไทย ไม่มีผล กับการฮึกอีกเฮือก ด้วยการเสนอเงื่อนไข “ยุบสภาทันที” ที่มาช้าเกินกาล ไม่มีใครรับมุก พรรคประชาชน ค่ายส้ม ยืนยันทีโออาร์ เท 143 เสียงสส.ส้ม สนับสนุน อนุทิน เป็นนายกฯ
การเมือง 3 ก๊ก เปลือยกายกันล่อนจ้อน ระยะทางพิสูจน์ม้า นับจากนี้ต้องรอดูว่าทีโออาร์ ที่ภูมิใจไทยจรดปากกาเอาไว้กับค่ายส้ม จะได้รับการปฏิบัติตามที่คาดหวังหรือไม่
อำนาจอยู่ในมือแล้ว เรื่องของอนาคตเอาไว้ว่ากันอีกที

แต่ผลแห่งการตัดสินใจครั้งนี้ พรรคประชาชน ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ เมื่อมองภารกิจตรงหน้า (แก้รัฐธรรมนูญ) สำคัญกว่ายุทธศาสตร์หลัก(ยกเครื่องการเมืองทั้งระบบ)
ลองมาดูการจัด โผครม.“หนู 1” กันคร่าวๆ ตามข่าว อะไรที่เพื่อไทยทำไม่ได้ แต่ภูมิใจไทยได้ไฟเขียวผ่านตลอด ไม่ว่าหน้าตาครม. จะกระดำกระด่าง ตกคุณสมบัติ ไม่สุจริตเป็นที่ประจักษ์ แค่ไหน ประเภทสายล่อฟ้าก็ตั้งได้ เพราะลมใต้ปีกระดับ ซูเปอร์ VVIP คอยเป็นแบ็กอัพให้ ปัดเป่าภยันตรายได้ทุกอย่าง
ด้วยดีลตั๋วช้าง(แมมมอธ) เราอาจจะได้เห็นการรีเทิร์นของ “ผู้กอง”ธรรมนัส พรหมเผ่า แถมยังได้อวยยศสูงขึ้น กับตำแหน่งรองนายกฯ ควบรมว.กลาโหม ปาดหน้าเค้ก “พี่ใหญ่-นายเก่า”ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่หมายมั่นปั้นมือจะสร้างผลงานสยบศึกชายแดนบูรพากับเขมรลงให้ได้
คนที่ขวางทาง “ลุงพี่ใหญ่” นอกจากจะเป็นค่ายส้มแล้ว ก็คือคนที่เป็นลมใต้ปีกระดับ VVIP นั่นแหละ ที่เขี้ยวมันเกี่ยวกัน ผูกปีแค้นกันมาตั้งแต่ปมปัญหาของ “น้องชาย”
ส่วน ไผ่ ลิกค์ “น้องเลิฟผู้กอง” เลขาธิการกล้าธรรม ฝันก็น่าจะเป็นจริงได้เป็นรัฐมนตรีครั้งแรกในชีวิตหลังต้องทนเก็บกดกับคำว่า ตกคุณสมบัติ รัฐบาลเพื่อไทยจะตั้งก็กล้าๆ กลัวๆ ที่เจ้าตัวก็หมายตากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เอาไว้
กลุ่มบ้านใหญ่มะขามหวาน สันติ พร้อมพัฒน์ ดูจะแฮปปี้ที่สุด มีโอกาสคั่ว 2 เก้าอี้ ใหญ่ 1 เล็ก 1 นอกจากเป็นกลุ่มที่แสดงตัวแสดงตนชุดแรกๆแล้ว ยังเป็นรางวัลตกเขียว เข้ามาเสริมก๊วนบ้านใหญ่กับภูมิใจไทย หวังยกพวงทั้งจังหวัด ในการเลือกตั้งรอบหน้า
แต่คนที่ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ได้กันเป็นกอบเป็นกำ คือ ภูมิใจไทย นอกจาก “เสี่ยหนู”อนุทิน จะนั่งนายกฯ ควบรมว.มหาดไทย ตามเดิม ด้วยภารกิจเร่งด่วนคือการจัดแถวบิ๊กกระทรวงคลองหลอด ไว้รองรับศึกเลือกตั้ง
กลุ่มก๊วนต่างๆ ก็จะได้รับปูนบำเหน็จกันถ้วนหน้า เพราะไม่ต้องไปแบ่งโควตาให้กับค่ายส้ม กลุ่มบ้านใหญ่เขากระโดง ไชยชนก ชิดชอบ ลูกชาย เนวิน เจ้าของพรรคตัวจริง ได้นั่งเก้าอี้ใหญ่ กลุ่มสะแกกรัง ของ ชาดา ไทยเศรษฐ์ น่าจะให้แก่ ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ ที่หน้าตาภาพลักษณ์ไม่เสียหาย เป็นนอมินีเหมือนเดิม ขณะที่แกนนำสายใต้ พิพัฒน์ รัชกิจประการ ขึ้นชั้นกระทรวงเกรด A ++ กับเก้าอี้รมว.คมนาคม รวมไปถึงบ้านใหญ่อ่างทอง
ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์กับหน้าตาครม.ชุดใหม่ เราจะได้เห็นพวกกระดำกระด่างของสังคม เข้ามานั่งชูคอกันสลอนในครม.ชุดนี้ แบบเชิดหน้าชูตา ผสมผสานไปกับคนนอกที่จะเข้ามากินโควตาในบางส่วน เพราะครม.ชุดนี้ไม่เน้นคุณภาพ หากแต่เน้นยุทธศาสตร์ “ล้างกระดาน ชินวัตร”
ก่อนจะดีเดย์สงครามครั้งสุดท้าย “แม่ทัพนายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ทิ้งขุนศึกลูกพรรคเพื่อไทย ก่อนโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ไม่กี่ชั่วโมง ขึ้นเจ็ตส่วนตัว ตอนแรกกะจะบินไปสิงคโปร์ อ้างว่าต้องไปตรวจสุขภาพกับหมอที่เคยดูแลระหว่างอยู่ต่างประเทศ แต่กลับพบว่ามีการเปลี่ยนเส้นทางบินไปยัง ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แทน
ก่อนเจ้าตัวจะโพสต์ชี้แจงผ่าน X ว่า โดน ตม.ไทยถ่วงเวลาไว้เกือบ 2 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่ชนะคดีที่ถูกห้ามออกเดินทางไปต่างประเทศมาแล้ว มีสิทธิเดินทางเช่นเดียวกับคนไทยทั่วไป ระหว่างเส้นทางบิน นักบินแจ้งว่า การโดน ตม.ถ่วงเวลา ทำให้เครื่องที่จะไปลงสนามบิน Seletar สำหรับเครื่อง Private Jet ลงที่สิงคโปร์ไม่ทัน เพราะสนามบินเปิดให้บริการถึงแค่ 4 ทุ่มเท่านั้น ซึ่งเวลาสิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง เมื่อไม่สามารถไปลงที่สิงคโปร์ได้ จึงตัดสินใจให้นักบินเปลี่ยนแผนไปลงดูไบ เพราะที่ดูไบมีหมอกระดูก และหมอปอด ที่ใช้ประจำมานาน และยังมีโอกาสได้เยี่ยมเพื่อนที่ดูไบ ที่ไม่ได้เจอกันมา 2 ปีกว่าแล้ว
งานนี้กะเล่นกันถึงตาย ทางข่าวแว่วว่า คนที่ชี้เป้าให้ ตม.ล็อกตัว ก็คือ “เสี่ยหนู” นั่นเอง ต้องรอดูว่า “นายใหญ่” จะเอาคืนแบบไหน
ไล่คนให้จนตรอก ตำราสามก๊ก เขาก็ยังปรามไว้