การประกาศของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) ที่ยึด Bitcoin มูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์จากเครือข่าย Prince Group ไม่ใช่แค่ “คดีฟอกเงินข้ามชาติ” ธรรมดา แต่คือการเปิดโปงโครงสร้างเศรษฐกิจเงาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ค่อย ๆ กลืนกินรัฐชาติ และบ่อนทำลายระบบการเงินโลกจากฐานที่ตั้งชื่อว่า “กัมพูชา”
Prince Group ภายใต้การนำของ เฉิน จื้อ Chen Zhi หรือ “Vincent” ไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ รีสอร์ตหรู แต่คือจักรวรรดิทางการเงินที่ผูกโยง “คริปโต–สแกม–ฟอกเงิน” เข้ากับอำนาจการเมืองระดับรัฐ จนกลายเป็น “รัฐคู่ขนาน” ที่ทำงานได้จริงกว่าเจ้าหน้าที่รัฐในบางพื้นที่
กัมพูชา กลายเป็น “พื้นที่พิเศษของทุนสีเทา” ที่เติบโตอย่างไม่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นโครงการคาสิโน เมืองใหม่ ศูนย์เทรดคริปโต หรือศูนย์คอลเซ็นเตอร์สแกม ซึ่งผูกโยงกับทุนจีน สัญชาติปลอม และเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วน
คดี Prince Group เพียงคดีเดียว มีเครือข่ายกว่า 146 รายในหลายประเทศ ตั้งแต่ลาว เมียนมา มาเลเซีย ไปจนถึงไทย และเมื่อพิจารณาเชิงโครงสร้าง จะพบว่า “เงินสกปรก” เหล่านี้ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว แต่วนกลับเข้าระบบเศรษฐกิจจริง ผ่านอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และโครงการพัฒนา ที่แฝงด้วยการฟอกเงินในรูปแบบ “การลงทุนโดยชอบด้วยกฎหมาย”

ในโลกหลังสงครามเย็น สหรัฐฯ เคยใช้กำลังทหารเพื่อจัดการภัยคุกคาม แต่วันนี้ พลังของ “ข้อมูล–การเงิน–เทคโนโลยีบล็อกเชน” กลายเป็นอาวุธแทนปืน
การขึ้นบัญชีดำ Prince Group โดย OFAC การตัดระบบ Huione Group โดย FinCEN และการยึดทรัพย์ Bitcoin โดย DOJ คือ “สงครามสมัยใหม่” ที่มุ่งรื้อถอนเครือข่ายทุนสกปรกโดยไม่ต้องยิงกระสุนแม้แต่นัดเดียว
เพราะในยุคนี้ ศัตรูไม่ได้อยู่ในป่า หรือบนแผนที่การเมือง แต่ซ่อนอยู่ในบล็อกเชนและตลาดคริปโต
ในขณะที่ DOJ, OFAC และ FinCEN สามารถประสานงานข้ามทวีป ยึดทรัพย์ดิจิทัลได้ระดับหมื่นล้านดอลลาร์
ต่างกลับประเทศไทยกลับยัง “นิ่งเงียบ” ทั้งที่มีเครือข่ายทุนเทาและสแกมเมอร์โยงอยู่ในหลายจังหวัดชายแดน
นี่คือคำถามที่สังคมไทยต้องกล้าถาม ทำไมเรายังไม่มีระบบตรวจจับคริปโตผิดกฎหมายในระดับรัฐ?
ทำไมไทยยังไม่มีกฎหมายที่บังคับให้แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนรายงานธุรกรรมต้องสงสัยอย่างโปร่งใส?
เพราะตราบใดที่ไทยยังปล่อยให้ทุนเทาใช้ที่ดินและโครงการอสังหาฯ เป็นเครื่องฟอกเงินโดยไม่แตะต้อง เราก็อาจกำลังเดินตามรอย รัฐในเงาของกัมพูชาโดยไม่รู้ตัว
คดี Prince Group ไม่ใช่จุดจบของเครือข่ายทุนสแกม แต่คือจุดเริ่มต้นของ ยุคใหม่ของสงครามการเงิน
สหรัฐฯ กำลังส่งสัญญาณว่า ใครก็ตามที่ใช้ระบบการเงินโลกเป็นเครื่องมือของอาชญากรรม จะไม่มีที่หลบซ่อน
แต่คำถามสำคัญกว่าคือ รัฐบาลไทย พร้อมหรือยังที่จะมองเห็นภัยนี้ในฐานะ “ภัยความมั่นคงแห่งชาติ” ไม่ใช่แค่คดีอาชญากรรม?