จับตาเกมการเมือง “อนุทิน–เนวิน” อาจยุบสภาก่อนฝ่ายค้านเปิดศึกซักฟอก 12 ธ.ค. 2568 ขณะภาคเอกชนเตือนผลกระทบเศรษฐกิจและการลงทุน หากเกิดสุญญากาศทางการเมือง
สัตยาบัน ยังฉีกซะกระจุยกระจายมาแล้ว นับประสาอะไรกับแค่ MOA
“รัฐบาลเซราะกราว” ภายใต้อำนาจนำของ 2 น. “หนู-เน” อนุทิน ชาญวีรกูล – เนวิน ชิดชอบ และทีม“ลมใต้ปีก” มีโอกาสที่จะชิงยุบสภา หากพรรคฝ่ายค้าน ประชาชน หรือ เพื่อไทย ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151
แม้แต่ภาคเอกชนก็จับสัญญาณได้ รัฐบาลอาจยุบสภาเร็วกว่าที่คิด องค์การนายจ้างผู้ประกอบการการค้าและอุตสาหกรรมไทย ชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ นายกฯหนู จะยุบสภาก่อนกำหนดเดิม และยังมองไปข่างหน้าช่วงที่รอจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และขาดรัฐบาลรักษาการ จะทำให้การดำเนินการบางอย่างทำได้ยากขึ้น
เรียกร้องรัฐบาลเร่งปล่อยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คนละครึ่งพลัส เฟส 2 ออกมา ส่วนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสุญญากาศการเมือง กระตุ้นการท่องเที่ยวได้หรือไม่ ยังเป็นโจทย์ที่ต้องแก้ แต่ขอให้ปล่อยออกมาก่อน
รวมถึงมาตรการแก้ปัญหากับดักหนี้ ที่รัฐบาลออกมาตรการ AMC มาแล้ว ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
อย่างที่ นายกฯ“หนู” เขวี้ยงหินออกมาถามทาง “ผมต้องดูสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากทำมาเพื่อล้างแค้น เอาคืน เป็นเกมการเมือง ตามไทม์ไลน์สภา เปิดเดือน ธ.ค. ผมตั้งใจยุบสภา 31 ม.ค. 69 คงไม่ปล่อยให้ใครมาด่ารัฐบาล เล่น ๆ ฟรี ๆ ถ้ารัฐบาลสู้เกมการเมืองไม่ได้ ก็ยุบสภาไป”
จับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นตัวประกัน
ชิงตัดเกมไม่ให้เกิดการซักฟอก ป้องกันพรรคฝ่ายค้านขุดคุ้ยปมฉาวๆ ลากไส้ “เซราะกราว”แอน์เดอะแก๊ง ตีตรามลทิน เปิดรอยด่างพร้อยภาพลักษณ์รัฐบาลเทาๆ ก่อนจะถึงศึกสำคัญ เลือกตั้งทั่วไป ที่ถึงยังไงก็ต้องเกิดขึ้นแน่ ในช่วงต้นปี 2569
ดับฝันค่ายส้ม ที่ต้องการนับหนึ่ง แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อสร้างกติกาที่เป็นธรรม
เพราะขืนปล่อยให้อภิปรายไม่ไว้วางใจไป “เซราะกราว”แอน์เดอะแก๊ง เจอสาวไส้ออกมาขยี้กันกลางสภา ซึ่งก็แน่นอนว่า รัฐบาลมีแต่เจ๊ง กับเจ๊ง ไม่เป็นผลดีกับรัฐบาลเฉพาะกิจ 4 เดือน ที่เข้ามาปั่นกระแสในช่วงสั้นๆ หวังผลไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า
ตามสูตร 4 + 4 คือ “4 เดือนครองอำนาจ 4 ปีสืบอำนาจ”
เอาแค่ปมเดียว การเมืองสีเทา ข้าราชการสีเทา ที่ลากโยง รัฐมนตรีขาใหญ่ในรัฐบาล อดีตบิ๊กกากี มีเอี่ยวแก๊งสแกมเมอร์ กลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ ก็รากเลือดแล้ว
ล่าสุด “เจ้าพ่อเขากระโดง” แผลงฤทธิ์ ส่งสัญญาณผ่าน กมธ.พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ สัดส่วนสส.ภูมิใจไทย และ สว.สีน้ำเงิน เดินเกมล่มองค์ประชุม กมธ. จนไปต่อไม่ได้
งานนี้ก็ต้องวัดใจ ค่ายส้ม พรรคประชาชน จะยังสวมหมวก 2 ใบ “ฝ่ายค้าน-ฝ่ายค้ำ” ต่อไปหรือไม่
แน่นอนว่าเป้าหมายสำคัญของ ค่ายส้ม ในตอนนี้ คือต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มี ส.ส.ร. ไปร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้ได้เสียก่อน เพื่อปลดล็อกเงื่อนไขอีกหลายขยัก
ในขณะที่ ค่ายแดง พรรคเพื่อไทย ไม่ได้สนอยู่แล้วว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จหรือไม่ คิดแค่อย่างเดียวคือ การปั้นตัวเลข สส. ในการเลือกตั้งรอบหน้า เพื่อเข้าสู่สมการอำนาจหลังเลือกตั้งได้อย่างไร
ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องยื่นแน่ๆ หลังเปิดสมัยประชุมสภาฯ ในวันที่ 12 ธ.ค. เพราะอ่านเกมแล้วว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แค่เงื่อนไขปาหี่ ถึงอย่างไรก็ต้องโดนคว่ำในขั้น สว.
เกมนี้ได้ทั้งถอนแค้นค่ายน้ำเงิน แถมยังได้กดดันค่ายส้ม โยนแรงกดดันใส่คู่แข่งทางการเมือง
และถ้าญัตติถูกบรรจุเข้าสู่วาระ พรรคประชาชน ก็จะเหลือทางเลือกแค่ 2 ทาง คือ “ไว้วางใจ” ถ้าเลือกเดินทางนี้ พรรคประชาชน จบเห่..แน่นอน ภาพลักษณ์ค่ายส้มกับ“ดีลปีศาจ” ยากจะฟื้นคืน “กลุ่มด้อม-ฐานเสียง” หดหายไปอีกบานตะเกียง
อีกทาง “ไม่ไว้วางใจ” ผลที่ตามมา คือ กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ“แท้ง” หรือมองในมุมบวกสุดๆ ก็“ล่าช้า” ออกไปอีกหลายเดือน
มองเกมยาวๆ คนที่มีแต่ได้กับได้ คือ ค่ายน้ำเงิน เกมแก้รัฐธรรมนูญ จะถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง
ส่วนญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตำบลกระสุนตก ไปอยู่ที่เมืองพะเยา จะมีก็แค่รับมือกับ สส.เพื่อไทย ที่มีแต่แรงแค้น
อาวุธหนักของจริง จากค่ายส้ม ล็อกเป้าถล่ม “ผู้กอง” ธรรมนัส พรหมเผ่า ไปเต็มๆ
เราจึงเห็นอาการ นายกฯหนู ยังคงสบายๆ เดินสายไปเยือนสิงคโปร์ ต่อด้วยตามเสด็จฯเยือนจีน 13-17 พ.ย.นี้
กว่าจะถึงวันที่ 12 ธ.ค. ที่จะเปิดสมัยประชุมสภาฯ ต้องดูว่า นายกฯหนู จะแก้สถานการณ์เก็บแต้มทิ้งทวนอย่างไร
เพราะการยุบสภา มีเพียงเดดไลน์เดียว คือ ก่อนวันที่ 12 ธ.ค.
หากปล่อยให้ พรรคฝ่ายค้าน ยื่นซักฟอก อำนาจยุบสภาในมือ จะหมดลงทันที..!
