ประเทศไทยในม่านสีเทา..
แค่ภาพถ่ายเซ็ตเดียว คนไทยมาถึงบางอ้อ ได้เห็นถึงไส้ในที่เน่าเฟะของ “รัฐไทย” เปิดไฟเขียวให้ แก๊งสแกมเมอร์ อหังการ์ฮุบประเทศ
กับภาพถ่ายร่วมเฟรมของ เบน สมิธ บุคคลที่ถูกเชื่อมโยงเป็นหัวโจกขบวนการสแกมเมอร์ กับชนชั้นนำไทย นำโดย “เสี่ยหนู” นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล ยังมี เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรมว.คลัง “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. รวมถึงบิ๊กเนมจากหลากหลายแวดวง จนถูกนำมาใช้เป็นประเด็นถล่มรัฐบาล
เป็นภาพชุดที่ต่างกรรมต่างวาระ ทั้งที่โรงแรมหรู งานแต่งทายาทคนใหญ่คนโต วงดินเนอร์ ก๊วนไวน์
ทำให้พรรคประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ ยกประเด็น “ทุนเทา” และภาพสุดเอ็กซ์คลูซีฟเซ็ตนี้ มาตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ของบุคคลสำคัญในรัฐบาล กับเครือข่ายสแกมเมอร์ หวังเขย่าเสถียรภาพรัฐบาลภูมิใจไทย
ตามสไตล์ “เสี่ยหนู” ที่รีบปัดสวะใส่พรรคเพื่อไทย ปัดภัยให้พ้นตัว โบ้ยกันซึ่งหน้าว่า เป็นเกมการเมือง พาดพิงไปถึงความขัดแย้งในอดีตกับพรรคเพื่อไทย
ยกเหตุเพราะไม่ให้สัญชาติแก่ เบน สมิธ จึงเป็นเหตุให้ถูกอัปเปหิออกจาก “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร”
จะจริงจะเท็จ เรื่องนี้มีคนรู้ความจริงกันไม่กี่คน แต่ที่แน่ๆ แค่ภาพถ่ายไม่กี่ใบที่ถูกแชร์จนว่อนโซเชียล ยิ่งสั่นคลอนต้นทุนภาพลักษณ์ รัฐบาลเขากระโดง
แม้ นายกฯหนู จะปฏิเสธเสียงแข็ง คอเป็นเอ็น You know me little go คุยโวไม่มีรัฐบาลไหนกล้าทำปราบสแกมเมอร์ ยึดทรัพย์สินเป็นหมื่นล้านเหมือนรัฐบาลนี้
แต่ก็นั่นแหละ เรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดมาไม่กี่วัน “แก๊งทุนเทา” หยั่งรากฝังลึกในระบอบรัฐไทย มานานแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถมายืนเสมอไหล่ กลุ่มบุคคลระดับ VVIP ประเทศไทย ได้แบบนี้

เครือข่ายแก๊งฟอกเงินเทา โยงใยทั้ง กลุ่มผู้ถืออำนาจรัฐในปัจจุบัน ผู้เคยถืออำนาจรัฐ อดีตสว. นักธุรกิจอสังหาฯคนดัง กลุ่มทุนยักษ์ นักลงทุน มือฟอกขาว ตัวเบ้งตลาดทุน ตลาดหุ้น เครือข่ายลูกหลานลุง ทายาทล็อบบี้ยิสต์ผู้มีบารมีพรรคใหญ่ ลูกอดีตบิ๊กขรก. ฯลฯ
ต้องให้เครดิตกันเต็มๆกับ ทีมขุดค่ายส้ม รังสิมันต์ โรม – วิโรจน์ ลักคณาอดิศร – ไอซ์ รักชนก ศรีนอก ที่ไล่เปิดไล่แฉขบวนการนี้มานาน แม้แต่นำไปแฉกันในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ล่อกันมันส์หยด
มีการตั้งข้อสงสัย ทำไมถึงไล่บี้ “ตัวเอ้ทุนเทา” ไม่ถึงไหน ตั้งคำถามวัดใจ ผู้นำจะจัดการแค่นอมินี ปลาซิวปลาสร้อย แค่นั้นหรือ
กลายเป็นไฟท์บังคับที่ ตำรวจโลกอย่างสหรัฐฯ ส่งทีมพิเศษเอฟบีไอสายตรงเข้ามาร่วมปฏิบัติการ ถ้าไม่ล่อให้ถึง “ตัวพ่อ ไทยเทา” ถือว่าว่าเสียของ
ผนวกกับมหาอำนาจจีน ที่จ้องจะล้างกระดานทุนเทาในย่านนี้อีกรอบ
ท่าที “นายกฯหนู” ที่ฟันธงถึงต้นตอภาพถ่าย มือที่ปล่อยออกมาหวังผล “เกมการเมือง”
เป็นเกมการเมืองที่มาจากทั้ง ภายนอก-ภายใน โดยเฉพาะการเมืองภายในรัฐบาลเอง ที่ต้องจับตาพรรคร่วมรัฐบาลเฉพาะกิจ ซ่อนมีดคนละเล่ม ถึงจังหวะ เสียบฉึก!
อาการปีนเกลียว “ผู้นำ-ผู้กอง” โดยมีโปรโมเตอร์มือโปร “ครูใหญ่เขากระโดง” คอยชักใย เริ่มจะหนักข้อ แย่งซีน แย่งงบฯ โยกย้ายบิ๊กขรก. ฯลฯ
ที่สำคัญ ระบอบการเมืองบ้านใหญ่ ทำ 2 ค่าย ภูมิใจไทย-กล้าธรรม ร้าวลึก ต่างฝ่ายจ้องบอนไซ ไม่ให้อีกฝ่ายโตขึ้นมา ชิงของขลังพลังวิเศษ
จับสัญญาณเลือกตั้ง ล่าสุด นายกฯหนู ย้ำชัด หลังการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ จบวาระ 3 ประกาศยุบสภาทันที ไทม์ไลน์ยังคงเดิม ช้าสุดไม่เกินเดือน ม.ค.2569
ยิ่งในสภาวะ “รัฐบาลอนุทิน” กำลังเผชิญ “4 ภัย” คือ ภัยเศรษฐกิจ ความมั่นคง ภัยสังคม และภัยธรรมชาติ ที่กำลังกัดกร่อนคะแนนนิยม แต้มต่อที่เคยถือ มีสิทธิเปลี่ยนดุลได้ทุกเมื่อ
กลายเป็นโอกาส ค่ายส้ม ที่ชูสโลแกน “มีเทาไม่มีเรา” ไต่บันไดไปสู่เป้าหมาย “ตั๋วสส.” 200+ โดยมี ค่ายสีฟ้า ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต กลับมาเบียดแย่งฐานคะแนนในกลุ่มอนุรักษ์ใหม่ มี “หัวหน้ามาร์ค” นำทีมรียูเนี่ยน
และมี ค่ายแดง กับค่ายน้ำเงินเทา เป็นตัวแปลใน สมการตัวเลขอำนาจ
ยิ่งใกล้เข้าสู่โหมดเลือกตั้งเท่าไหร่
ความร้อนแรง ยิ่งทะลุจุดเดือด
แต่สุดท้าย รัฐไทย..ก็หนีไม่พ้นม่านสีเทา..!


