ไฟสงครามจุดเงื่อนไขรัฐบาลพิเศษ

สถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา รอบสองตึงเครียดหนักขึ้นเรื่อยๆ

ขยายพื้นที่ปะทะจากกองทัพภาคที่2 โซน4จังหวัดภาคอีสาน ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ไปยังพื้นที่กองทัพภาค1 ฝั่งภาคตะวันออก จ.สระแก้ว ตราด จันทบุรี

กองกำลังทหารไทย-กัมพูชาปักหลักซัดกันดุเดือดทุกสมรภูมิแนวชายแดน สูญเสียทั้ง 2ฝ่าย
ยิ่งนานวันสถานการณ์สู้รบมีแต่ขยายวงหนักขึ้น ยังไม่เห็นสัญญาณการปะทะเดือด 2ประเทศจะสิ้นสุดงเมื่อไร

แต่ที่ตึงเครียดและดุเดือดไม่แพ้แนวรบชายแดนคือ สมรภูมิภาคการเมือง

ภายหลังรัฐบาล “นายกฯหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ประกาศยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน เมื่อวันที่ 11ธ.ค.2568 หลังเกิดความขัดแย้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างหนักระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน

จุดแตกหักการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256/28 คือฟางเส้นสุดท้ายเล่นงาน “นายกฯหนู”ลากรัฐบาลเสียงข้างน้อยบริหารราชการแผ่นดินต่อไปไม่ไหว ต้องชิงยุบสภา หนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจากพรรคประชาชน

ตามกติการัฐธรรมนูญ กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน45-60วัน นับจากการประกาศพระราชกฤษฎีกายุบสภา แนวโน้มวันเข้าคูหากาบัตรน่าจะลงตัววันที่ 8ก.พ.2569

ย้อนแย้งกับสภาพความวุ่นวายในสถานการณ์ชายแดน ต้องลุ้นตัวโก่งจะสามารถจัดเลือกตั้งได้หรือไม่
หรือจะสามารถจัดเลือกตั้งในวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักรได้หรือไม่

ผลพวงแนวรบชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทุหนัก ส่อเค้ากระทบไทม์ไลน์เลือกตั้ง อาจไม่สามารถเดินตามเงื่อนเวลาในห้วงสถานการณ์ปกติได้

คิวเอะใจที่นายรังสิมันต์ โรม อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ดักคอท่าทีกกต.ที่ชี้ช่องการใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา104 เลื่อนเลือกตั้ง หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อการจัดเลือกตั้ง ตั้งข้อสังเกตต้องประเมินจากหน้างานบนเหตุการณ์ความเป็นจริง ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์พรรคการเมืองใด

ตัวจี๊ดค่ายส้มแหยงคิวสงครามอยู่ลึกๆ จะเป็นจุดพลิกผันลากประเทศเข้าสู่สถานการณ์พิเศษ เสี่ยงต่อการยื้อโปรแกรมเข้าคูหาหย่อนบัตร

เพราะสถานการณ์สู้รบแนวชายแดนไทย-กัมพูชาปัจจุบัน ก็ทวีความดุเดือดเพิ่มขึ้น กระทั่งกองทัพต้องประกาศกฎอัยการศึก ควบคุมการใช้ชีวิตประชาชนเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่

แนวโน้มน่าเป็นห่วงหนักขึ้น และยังไม่เห็นวี่แววสงครามจะยุติเมื่อไร ส่อยืดเยื้อนานเป็นแรมเดือน
กระทบทั้งความปลอดภัย ความเป็นอยู่ของประชาชน และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่กำลังจะได้รับผลกระทบตามมา

ขณะที่ท่าที “นายกฯหนู”ก็พร้อมบวก อาศัยเหตุการสู้รบโหนกระแสชาตินิยม ปั่นแต้ม ไม่สนแม้กระทั่ง มหาอำนาจโลกอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี จะเสียงเขียวห้ามศึก

ถ้าความตึงเครียดแนวชายแดนไม่จบ รัฐบาลภูมิใจไทยก็ได้รักษาการต่อไปเรื่อยๆ
เห็นสัญญาณการเมืองเข้าเค้าผิดปกติ แม้จะยุบสภาแล้ว ก็ยังไม่รู้จะแก้ปัญหาได้หรือไม่

วิกฤติด้านความมั่นคงใกล้ถึงจุดทะลักเดือด ยิ่งรุนแรงและยืดเยื้อ อาจเป็นเหตุให้ต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอย่างไม่มีกำหนด

จุดความเสี่ยงเดินเข้าสู่สถานการณ์ไม่ปกติ มีรัฐบาลพิเศษดับไฟสงคราม

หวัง อี้ ต่อสายคุยไทย-กัมพูชา ส่งสัญญาณลดตึงเครียด มุ่งหยุดยิง

เป็นหัวหน้าพรรค แต่ไม่ใช่แคนดิเดต บททดสอบอำนาจการเมืองไทย