เป็นหัวหน้าพรรค แต่ไม่ใช่แคนดิเดต บททดสอบอำนาจการเมืองไทย

กล้าธรรมถูกจับตา ปมผู้นำพรรคกับอำนาจที่แท้จริง

ในห้วงการเตรียมเลือกตั้งใหญ่ ประเด็น “เป็นหัวหน้าพรรคแต่ไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” กลับมาสร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองอีกครั้ง โดยเฉพาะกรณีของ พรรคกล้าธรรม หนึ่งในพรรคมาแรง ที่ถูกจับตาว่าโครงสร้างอำนาจภายในพรรคอาจไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการ หลังการสัมภาษณ์ครั้งหลังๆของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าได้มีการวางชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยที่อาจไม่ได้ใส่ชื่อตนเองที่เป็นหัวหน้าพรรค

สถานการณ์นี้ไม่เพียงสะท้อนยุทธศาสตร์เลือกตั้ง แต่ยังเปิดพื้นที่ให้เกิดคำถามว่า ใครกันแน่คือผู้มีอำนาจตัวจริงในพรรคการเมืองไทยยุคใหม่

พรรคกล้าธรรมกับข้อครหา “หัวหน้าพรรคนอมินี”

กรณีของ พรรคกล้าธรรม ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง เมื่อ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม อาจไม่เสนอชื่อตนเองเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ขณะที่ได้สัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่าแคนดิเดตนายกฯต้องมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี รมว.และสหกรณ์และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม อย่างแน่นอน โดยที่อาจเป็นแคนดิเดตเพียงคนเดียว

ในทางการเมือง การแยกตำแหน่ง “ผู้นำพรรค” ออกจาก “แคนดิเดตนายกฯ” ไม่ใช่เรื่องผิดกติกา แต่ในบริบทสังคมไทยที่คุ้นชินกับการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ “หัวหน้าพรรค” ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดข้อครหาเรื่องบทบาทนอมินี และคำถามว่า การตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ของพรรคเกิดขึ้นที่โต๊ะใดกันแน่

พรรคประชาชน โมเดลผู้นำกับแคนดิเดตที่เป็นคนเดียวกัน

เมื่อหันไปดู พรรคประชาชน ภาพกลับแตกต่างอย่างชัดเจน หลังยุคของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็ได้ “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ทำหน้าที่ทั้งหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอด สร้างความชัดเจนให้กับผู้สนับสนุนว่า ใครคือผู้นำสูงสุด และใครต้องรับผิดชอบต่อทิศทางของพรรค

ความตรงไปตรงมานี้ช่วยลดข้อสงสัยเรื่องอำนาจซ้อนอำนาจ และทำให้การสื่อสารทางการเมืองมีเอกภาพ แม้พรรคจะเผชิญแรงกดดันทางกฎหมายและการเมือง แต่โครงสร้างผู้นำที่ชัดเจนยังคงเป็นจุดแข็งในสายตาผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมาก

ประชาธิปัตย์ หัวหน้าพรรคหน้าเดิมกับพลังเรียกกระแส

ด้าน พรรคประชาธิปัตย์ เลือกใช้สูตร “หัวหน้าพรรคใหม่แต่หน้าเก่า” ด้วยการดัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ท่ามกลางความคาดหวังว่าจะสามารถเรียกคะแนนนิยมจากฐานเสียงดั้งเดิมและกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังลังเล

กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่า สำหรับพรรคการเมืองเก่าแก่ ความชัดเจนในตัวผู้นำยังเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นศรัทธา และลดแรงเสียดทานจากคำถามเรื่อง “ใครคุมพรรคตัวจริง” ที่มักเกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ

เพื่อไทย สูตรไม่หักหน้า แต่ไม่ปิดทางอำนาจ

สำหรับ พรรคเพื่อไทย การจัดวางอำนาจมีความซับซ้อนและยืดหยุ่นมากกว่า โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรค อาจไม่ได้ถูกวางเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีลำดับแรก แต่ยังคงมีชื่ออยู่ในบัญชีแคนดิเดต เพื่อรักษาสมดุลระหว่างโครงสร้างพรรคและเครือข่ายอำนาจทางการเมือง

ขณะเดียวกัน การวาง รศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ทายาท “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคนายทักษิณ ชินวัตร เป็นแคนดิเดตลำดับต้น สะท้อนยุทธศาสตร์การเลือกตั้งที่ต้องการรักษาฐานเสียงของ “ตระกูลชิน” โดยไม่สร้างแรงปะทะภายในพรรคมากเกินไป แนวทางนี้ช่วยลดภาพการหักหน้าผู้นำพรรค แม้จะยอมรับโดยนัยว่า อำนาจเชิงยุทธศาสตร์ไม่ได้รวมศูนย์อยู่ที่คนเดียว

ภูมิใจไทย ความชัดเจนที่ไม่เคยต้องตีความ

ในบรรดาพรรคการเมืองใหญ่ตอนนี้คงไม่มีพรรคไหนที่ชัดเจนในจุดยืนตัวเองเท่า พรรคภูมิใจไทย อีกแล้ว เพราะตอนนี้คงไม่มีใครมาแทนที่ “นายกรัฐมนตรีคนที่ 32”อย่าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ทำหน้าที่ทั้งหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอย่างเปิดเผยตั้งแต่ต้น

โครงสร้างที่ตรงไปตรงมานี้ช่วยทำให้ผู้สนับสนุนรับรู้ได้ทันทีว่า ใครคือผู้กำหนดทิศทางพรรค และใครต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ทางการเมืองในสนามเลือกตั้ง และความชัดเจนนี้เองก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บรรดาพรรคเล็กและสส.งูเห่าทั้งหลายทยอยหลังไหลเข้าสู่พรรคภูมิใจไทย อย่างไม่ขาดสาย

หัวหน้าพรรคไม่ใช่แคนดิเดต ทางเลือกหรือความเสี่ยง

เมื่อเปรียบเทียบภาพรวม จะเห็นได้ว่า การที่หัวหน้าพรรคไม่ใช่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เรื่องผิด แต่เป็น “ความเสี่ยงเชิงความเชื่อมั่น” โดยเฉพาะในบริบทการเมืองไทยที่ประชาชนยังให้ความสำคัญกับตัวบุคคลมากกว่ากลไกพรรค

สำหรับ พรรคกล้าธรรม คำถามจึงไม่ได้อยู่แค่ว่าใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ หากแต่อยู่ที่การสื่อสารกับสังคมว่า โครงสร้างอำนาจภายในพรรคโปร่งใสเพียงใด และใครคือผู้รับผิดชอบสูงสุดต่อการตัดสินใจทางการเมืองในวันที่ประเทศต้องเลือกผู้นำ

ไฟสงครามจุดเงื่อนไขรัฐบาลพิเศษ

ประชุม รมต.อาเซียน เตรียมถกปมไทย-กัมพูชา สีหศักดิ์ย้ำ 3 เงื่อนไขหยุดยิง