วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นวันครบรอบ 3 ปีของสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย ซึ่งได้ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมหาศาลทั้งในด้านชีวิตทหารและประชาชน ในขณะที่สงครามนี้กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของยูเครนในอดีต เริ่มมีท่าทีไม่ต้องการสนับสนุนการทำสงครามอีกต่อไป ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่แสดงความชัดเจนในการเรียกร้องให้ยุติสงครามและหันไปเจรจากับรัสเซีย

ความสูญเสียจากสงคราม
สงครามเริ่มต้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เมื่อรัสเซียยกทัพบุกโจมตียูเครนจากหลายทิศทาง โดยในช่วงเริ่มต้นยูเครนสามารถปกป้องกรุงเคียฟได้ แต่ต่อมาภายหลังจากความช่วยเหลือจากชาติตะวันตก ยูเครนเริ่มเปิดฉากโต้กลับและสามารถทำการผลักดันกองทัพรัสเซียออกจากบางพื้นที่ได้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กลับไม่เป็นใจเมื่อยูเครนต้องสูญเสียดินแดนประมาณ 11% ของประเทศให้กับรัสเซีย ตั้งแต่ปี 2565
จำนวนผู้สูญเสีย
การประเมินยอดความสูญเสียในสงครามนี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่สื่ออิสระต่างรายงานว่ารัสเซียสูญเสียทหารไปประมาณ 95,000 ศพ ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นถึง 220,000 ศพ ขณะที่ยูเครนมีผู้เสียชีวิตประมาณ 70,000 ศพ ส่วนสหประชาชาติระบุว่ามีประชาชนยูเครนอย่างน้อย 12,600 ศพที่ถูกสังหารตลอด 3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ชาวยูเครนอีกหลายล้านคนกลายเป็นผู้พลัดถิ่น
การเปลี่ยนแปลงในทิศทางการสนับสนุน

ยูเครนพึ่งพาความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก โดยสหรัฐฯ มอบความช่วยเหลือทางทหารและการเงินมูลค่ากว่า 95,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ภายใต้การนำของ ทรัมป์ มีความกังวลว่าเขาจะเปลี่ยนเป้าหมายจากการสนับสนุนยูเครนมาเป็นการกดดันยูเครนแทน โดยมีการเจรจากับรัสเซียและการลดการสนับสนุนจากชาติอื่นๆ
ผลสำรวจความคิดเห็น
ผลสำรวจของ Gallup เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พบว่า ชาวอเมริกันกว่า 50% ต้องการให้สงครามในยูเครนยุติลง แม้ว่ายูเครนจะต้องสูญเสียดินแดนบางส่วน ขณะที่ในยุโรปชาว EU 74% มองว่าการช่วยเหลือยูเครนคือการปกป้องค่านิยมของยุโรป แต่ในหลายประเทศ เช่น เยอรมนี อิตาลี และฝรั่งเศส แนวคิดการเจรจาสันติภาพเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน ชาวรัสเซียเกือบ 80% ยังคงสนับสนุนการทำสงคราม แต่ 61% ก็เห็นด้วยกับการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง ในยูเครนก็มีประชาชนกว่า 52% ที่ต้องการให้มีการเจรจาเพื่อยุติสงครามโดยเร็ว
ข้อมูล / ภาพ : ไทยรัฐ