ไทยถูกวิจารณ์หนักจากนานาชาติ
สภายุโรป (European Parliament) ลงมติ 482 ต่อ 57 เสียง เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 ประณามรัฐบาลไทยจากการส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับจีน ซึ่งถูกมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน มติดังกล่าวยังเชื่อมโยงถึงการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 ที่จำกัดเสรีภาพในการแสดงออกของนักการเมืองและนักเคลื่อนไหว
ปัญหาชาวอุยกูร์และกฎหมาย ม.112
สภายุโรประบุว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์ ซึ่งถูกกักขังในไทยนานกว่า 11 ปี อาจขัดต่อหลักการ “ไม่ส่งกลับ” (Non-refoulement) ซึ่งห้ามส่งบุคคลไปยังประเทศที่พวกเขาอาจถูกคุกคามหรือทรมาน
มิเรียม เล็กซ์แมนน์ สมาชิกสภายุโรปจากสโลวาเกียกล่าวว่า ไทยล้มเหลวในการคุ้มครองสิทธิของชาวอุยกูร์ และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยที่ยังถูกควบคุมตัว รวมถึงให้ความร่วมมือกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR)
สภายุโรปยังแสดงความกังวลต่อการใช้กฎหมายมาตรา 112 ในการดำเนินคดีต่อเยาวชน นักการเมือง และนักกิจกรรมทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2563 มีผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมืองกว่า 1,960 ราย รวมถึงเยาวชนกว่า 280 คน
ดาเนียล แอตตาร์ด สมาชิกสภายุโรปจากมอลตาเรียกร้องให้ไทยนิรโทษกรรมบุคคลที่ถูกดำเนินคดีจากการใช้เสรีภาพในการแสดงออก พร้อมระบุว่า “ประชาธิปไตยต้องเปิดให้มีการถกเถียง ไม่ใช่การลงโทษ”
ผลกระทบต่อไทยและทางเลือกของรัฐบาล
การลงมติของสภายุโรปอาจส่งผลต่อการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย – สหภาพยุโรป ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือ นักวิเคราะห์ชี้ว่าเงื่อนไขด้านสิทธิมนุษยชนอาจถูกนำมาเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาการเจรจาการค้า
ดร.ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ อาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตือนว่าความน่าเชื่อถือของไทยในเวทีโลกอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจลดอำนาจต่อรองของไทยในการเจรจาการค้า
ขณะที่ไทยมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับจีน นักวิเคราะห์มองว่าไทยควรรักษาสมดุลกับสหภาพยุโรปเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเมืองในระยะยาว นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยชี้แจงจุดยืนต่อสหภาพยุโรป และเน้นย้ำว่าไทยต้องปฏิบัติตามหลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชนสากล

ข้อมูล/ภาพ : Thai PBS, NEWS European Parliament