วอชิงตัน, 21 มีนาคม 2025 – โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งบริหารเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่อมอบหมายให้ ลินดา แมคมาฮอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เริ่มดำเนินการลดบทบาทของกระทรวงลง โดยมีเป้าหมายให้ยุบหน่วยงานนี้ในอนาคต แม้การดำเนินการเต็มรูปแบบจะต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาก็ตาม ความเคลื่อนไหวนี้สร้างเสียงวิจารณ์ทั้งจากฝ่ายการเมืองและองค์กรด้านการศึกษา เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อเด็กและครอบครัวทั่วประเทศ
ทำไมทรัมป์ถึงอยากยุบกระทรวงการศึกษา?
ทรัมป์แถลงอย่างเปิดเผยในพิธีลงนามว่า “กระทรวงศึกษาธิการ…เราจะยกเลิกมัน” พร้อมแสดงความหวังว่ารัฐมนตรีคนปัจจุบันจะเป็น “คนสุดท้าย” ที่ดำรงตำแหน่งนี้ เขาระบุว่ารัฐควรเป็นผู้ดูแลการศึกษาโดยตรง และรัฐบาลกลางไม่ควรมีบทบาทมากเกินไป
ด้าน ลินดา แมคมาฮอน กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการไม่ได้ทำหน้าที่สอนหนังสือ ไม่จ้างครู และไม่ได้จัดทำหลักสูตรเอง หน้าที่หลักคือสนับสนุนเงินทุนให้แต่ละรัฐดำเนินการตามนโยบายของตน เธอย้ำว่า “ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมทางการศึกษาต้องเริ่มจากระดับรัฐ ไม่ใช่จากส่วนกลาง”
อย่างไรก็ตาม การยุบหน่วยงานต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา บิล แคสซิดี วุฒิสมาชิกรีพับลิกัน ระบุว่าเขาจะเสนอร่างกฎหมายเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ทันที
ฝ่ายต่อต้านชี้กระทบหนักต่อเด็กยากจนและผู้พิการ
แผนของทรัมป์ถูกวิพากษ์อย่างรุนแรงจากฝ่ายเดโมแครตและองค์กรด้านสิทธิ โดย บ็อบบี้ สก็อตต์ จากคณะกรรมาธิการการศึกษาของสภาผู้แทนราษฎร เตือนว่าการลดบทบาทหรือยุบกระทรวงอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อ “นักเรียนรายได้น้อย นักเรียนพิการ และนักเรียนในพื้นที่ชนบท”
เบ็คกี้ พริงเกิล ประธานสมาคมการศึกษาแห่งชาติ ระบุว่า นโยบายนี้อาจทำให้ขนาดชั้นเรียนเพิ่มขึ้น บริการสำหรับนักเรียนพิการถูกตัดทอน และทำให้ค่าเล่าเรียนในระดับอุดมศึกษาสูงขึ้นเกินเอื้อมของครอบครัวทั่วไป
เดอร์ริก จอห์นสัน ประธาน NAACP ถึงกับเรียกคำสั่งนี้ว่า “ขัดต่อรัฐธรรมนูญ” และกล่าวว่า ทรัมป์กำลัง “รื้อถอนการทำงานพื้นฐานของประชาธิปไตย”
ทำเนียบขาวยันยังคงหน้าที่หลัก เช่นเงินกู้และสิทธิพลเมือง
แม้จะมีคำสั่งลดบทบาทหน่วยงาน แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวชี้แจงว่า กระทรวงศึกษาธิการจะยังคงทำหน้าที่ที่สำคัญไว้ เช่น การดูแลเงินกู้เพื่อการศึกษา ทุน Pell Grants และการบังคับใช้กฎหมายด้านสิทธิพลเมือง
การลดขนาดกระทรวงครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในแผนระยะยาวของรัฐบาลทรัมป์ เพื่อคืนอำนาจให้แต่ละรัฐบริหารจัดการการศึกษาเอง ขณะเดียวกันก็สร้างความกังวลว่าแต่ละรัฐอาจไม่มีความพร้อมเพียงพอ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพการศึกษาโดยรวมของประเทศ


ข้อมูล/ภาพ : NBC NEWS