รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดำเนินการสอบสวนมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอย่างเป็นทางการ หลังมีข้อกล่าวหาว่ามหาวิทยาลัยละเลยการปกป้องนักศึกษาจากพฤติกรรมต่อต้านชาวยิว โดย ลินดา แม็คมาฮอน รัฐมนตรีศึกษาธิการของสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่ามีหน่วยงานรัฐบาลกลางเข้าร่วมตรวจสอบหลายแห่ง พร้อมชี้ว่าฮาร์วาร์ดกำลังเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกว่า 9 พันล้านดอลลาร์
ฮาร์วาร์ดเผชิญแรงกดดันจากรัฐบาลกลางและข้อกล่าวหาการเลือกปฏิบัติ
กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ และ สำนักงานบริหารทั่วไป (GSA) ดำเนินการตรวจสอบมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด หลังได้รับรายงานว่ามหาวิทยาลัยมีบรรยากาศที่ส่งเสริมการต่อต้านชาวยิว
ลินดา แม็คมาฮอน ระบุว่า “ฮาร์วาร์ดล้มเหลวในการปกป้องนักศึกษาจากการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและศาสนา และส่งเสริมอุดมการณ์ที่สร้างความแตกแยก แทนที่จะส่งเสริมเสรีภาพทางวิชาการ ซึ่งอาจส่งผลเสียร้ายแรงต่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย”
การตรวจสอบครอบคลุมถึงการใช้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลางหลายร้อยล้านดอลลาร์ รวมถึงเงินทุนเพิ่มเติมอีกเกือบ 9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าฮาร์วาร์ดปฏิบัติตามระเบียบของรัฐบาลกลางและหน้าที่ด้านสิทธิมนุษยชนหรือไม่
ก่อนหน้านี้ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ก็ถูกตัดงบประมาณสนับสนุน 400 ล้านดอลลาร์จากเหตุผลเดียวกัน โดยพบว่าโคลัมเบียไม่สามารถปกป้องนักศึกษาชาวยิวได้อย่างเพียงพอ
ปธ.ฮาร์วาร์ดยอมรับปัญหา ขณะส.ส.แสดงความเห็นต่าง
อลัน การ์เบอร์ ประธานมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ออกแถลงการณ์ยอมรับว่าการต่อต้านชาวยิวยังคงมีอยู่ในสถาบัน และระบุว่า “แม้แต่ตัวผมเองก็เคยเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านี้” พร้อมกล่าวว่า หากมหาวิทยาลัยสูญเสียเงินทุนจากรัฐบาล อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อโครงการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการรักษาชีวิตและนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์
การ์เบอร์ยังยืนยันว่า ฮาร์วาร์ดกำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษาทุกกลุ่ม
เควิน ไคลีย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐแคลิฟอร์เนีย และศิษย์เก่าฮาร์วาร์ด แสดงความเห็นว่า “การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดเป็นสิ่งจำเป็น และผู้กระทำผิดต้องได้รับผลทางกฎหมาย”
ในขณะที่ ซูซาน โบนามิชิ ส.ส.จากรัฐออริกอน แสดงความกังวลว่าการขู่จะตัดเงินทุนเป็นการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการ และอาจเป็นการกดดันให้มหาวิทยาลัยต้องทำตามมุมมองทางการเมืองที่ขัดกับหลักของการศึกษา
ความตึงเครียดในแคมปัส จุดชนวนมาตรการรุนแรงจากฝ่ายบริหาร
กรณีนี้เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ หลังเกิดเหตุการณ์ที่กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งนำไปสู่การปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา และกระตุ้นให้เกิดการประท้วงในแคมปัสหลายแห่ง
การตอบสนองจากฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงคำสั่งพิเศษในการยุบกระทรวงศึกษาธิการ และการประกาศว่าจะดำเนินมาตรการ “อย่างเข้มข้น” เพื่อต่อต้านการต่อต้านชาวยิว สะท้อนถึงท่าทีแข็งกร้าวในการจัดการปัญหานี้
ขณะเดียวกัน รัฐสภาสหรัฐฯ ก็กำลังสอบสวนมหาวิทยาลัยชั้นนำอีกกว่าสิบแห่งในข้อหาคล้ายคลึงกัน โดยรายงานจากคณะกรรมาธิการการศึกษาและแรงงานของสภาผู้แทนราษฎรระบุว่า หลายมหาวิทยาลัยล้มเหลวในการลงโทษนักศึกษาที่มีพฤติกรรมต่อต้านชาวยิวอย่างเหมาะสม

ข้อมูล/ภาพ : abc NEWS