นิวยอร์ก – ในห้องพิจารณาคดีเงียบงันกลางมหานคร ผู้พิพากษานั่งสงบนิ่งอยู่บนบัลลังก์ ขณะที่เบื้องหน้าคือแฟ้มคดี รอยสักบนภาพถ่าย และรายชื่อชายหนุ่มที่กำลังจะถูกส่งออกนอกประเทศ
พวกเขาไม่ได้มีหมายจับ
ไม่ได้ผ่านการพิจารณาโทษ
ไม่มีโอกาสได้อธิบายสิ่งใดให้ใครฟัง
ผู้พิพากษาอัลวิน เฮลเลอร์สไตน์ แห่งศาลแขวงสหรัฐ ในนิวยอร์ก เป็นผู้หยุดยั้งกระบวนการดังกล่าวไว้ชั่วคราวในวันที่ 9 เมษายน และยืนยันการขยายคำสั่งอีกครั้งเมื่อวันที่ 23 เมษายน โดยยับยั้งการส่งตัวผู้ลี้ภัยราวสิบกว่าคนในนิวยอร์กที่ถูกควบคุมตัวไว้ไม่ให้ถูกเนรเทศออกจากประเทศโดยไร้กระบวนการยุติธรรม
คำถามเริ่มก่อตัว เมื่อรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้ Alien Enemies Act ซึ่งเป็นกฎหมายโบราณจากยุคศตวรรษที่ 18 ที่ใช้ในช่วงสงคราม เพื่อเร่งส่งตัวผู้อพยพที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสมาชิกแก๊ง Tren de Aragua กลับไปยังเรือนจำ CECOT ในเอลซัลวาดอร์
โดยอ้างว่า แก๊งจากเวเนซุเอลานี้เป็น “รัฐอาชญากรรมแบบผสม” ที่กำลังบุกรุกอธิปไตยของสหรัฐฯ
แต่พยานหลักฐานที่ใช้ในการพิจารณา
กลับมีเพียง… รอยสัก
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ (ICE) ยอมรับว่า ชายหลายคนที่ถูกส่งกลับเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ไม่มีประวัติอาชญากรรมในสหรัฐฯ ข้อมูลเกี่ยวกับตัวบุคคลก็ไม่ชัดเจน แต่กลับใช้การขาดข้อมูลนั้นเป็นข้อพิสูจน์ว่า “พวกเขาอาจเป็นภัยคุกคาม”
“นี่คือประเทศสหรัฐอเมริกา” ผู้พิพากษาเฮลเลอร์สไตน์กล่าวขึ้นกลางศาล “ผู้คนกำลังถูกขับไล่ออกจากประเทศเพียงเพราะรอยสัก” ก่อนจะวิจารณ์ทนายกระทรวงยุติธรรมที่กล่าวว่า “กระบวนการยุติธรรมเป็นมาตรฐานที่ยืดหยุ่นได้”
“กฎหมายชัดเจน ถ้าคุณจะขับไล่ใครออกจากประเทศ คุณต้องให้โอกาสพวกเขาในการปกป้องตนเอง ไม่ใช่เพียงเพราะพวกเขารู้จักใครบางคน”
ในอีกฟากหนึ่งของประเทศ ผู้พิพากษาชาร์ล็อตต์ สวีนีย์ ในรัฐโคโลราโด ก็ออกคำสั่งห้ามการส่งตัวในลักษณะเดียวกัน โดยชี้ว่า ผู้ลี้ภัยไม่ได้รับการแจ้งเตือนที่เหมาะสมตามสิทธิมนุษยชน เอกสารที่มอบให้พวกเขามีเพียงภาษาอังกฤษ และเวลาเพียงน้อยนิดก่อนถูกเนรเทศ
เธอเขียนไว้ในคำสั่งว่า ศาลมี “ความกังวลอย่างยิ่ง” ว่าผู้ร้องจะมีโอกาสได้รับความยุติธรรมจริงหรือไม่ พร้อมตั้งข้อสงสัยในความชอบธรรมของคำประกาศของทรัมป์ที่ใช้กฎหมาย Alien Enemies Act ว่าอาจละเมิด Immigration and Nationality Act และ หลักมนุษยธรรม อย่างร้ายแรง
เมื่อรอยสักกลายเป็นข้อหา
เมื่อความเงียบแทนที่สิทธิในการอธิบาย
เมื่อกฎหมายจากอดีต ถูกใช้ในยุคที่ประชาธิปไตยควรเติบโตเต็มใบ
คำถามสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า ใครถูกส่งกลับ
แต่อยู่ที่ว่า หลักการใดถูกส่งออกไปพร้อมกับพวกเขา

ข้อมูล/ภาพ : abc NEWS